สถานที่ท่องเที่ยวนครนายก

สถานที่ท่องเที่ยวนครนายก

ข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยวนครนายก

อำเภอเมือง
• ศาลหลักเมือง ตั้งอยู่ริมแม่น้ำนครนายก เสาหลักเมืองเดิมเป็นเสาไม้ยาวประมาณ 1 เมตรเศษ ปลายเสาแกะสลักเป็นรูปดอกบัวตั้งอยู่บริเวณกำแพงเมืองเก่าต่อมาประมาณ พ.ศ. 2453 ทางราชการเห็นว่าศาลหลักเมืองเดิมชำรุดมากจึงได้ย้ายหลักเมืองไปประดิษฐานที่ตึกแดงในโรงเรียนสตรีประจำจังหวัด คือ โรงเรียนศรีนครนายก ภายหลังได้ย้ายมาสร้างใหม่ริมแม่น้ำนครนายกภายในสวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติรัชกาลที่9 โดยสร้างเป็นศาลาจตุรมุข เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของชาวเมืองจนถึงทุกวันนี้
• โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า (โรงเรียนนายร้อย จปร.) ตั้งอยู่ที่ตำบลพรหมณี ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ 14 กิโลเมตร และห่างจากกรุงเทพฯ ตามเส้นทางองครักษ์ประมาณ 75 กิโลเมตร บริเวณโรงเรียนติดกับเขาชะโงก มีพื้นที่ ประมาณ 19,290 ไร่ เป็นสถานที่ให้การศึกษาแก่ผู้ที่จะรับราชการเป็นนายทหารสัญญาบัตรแห่งกองทัพไทย ภายในมีสถานที่น่าสนใจหลายแห่ง และมีกิจกรรมต่าง ๆ ให้นักท่องเที่ยวได้เพลิดเพลินและสนุกสนานเหมาะแก่การมาเที่ยวกันแบบครอบครัว นักท่องเที่ยวควรติดต่อศูนย์บริการท่องเที่ยว โรงเรียนนายร้อย จปร. ก่อนเพื่อขอคำแนะนำเกี่ยวกับกิจกรรมท่องเที่ยวภายในบริเวณโรงเรียน
สถานที่น่าสนใจภายใน โรงเรียนนายร้อย จปร. ได้แก่
• พระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ประดิษฐานอยู่หน้ากองบัญชาการ รร.นายร้อย จปร. ในฐานะที่พระองค์ทรงเป็นผู้พระราชทานกำเนิด โรงเรียนนายร้อย จปร. พระบรมรูปอยู่ในฉลองพระองค์เครื่องแบบจอมทัพไทยแห่งกองทัพบกเต็มยศประทับเหนือพระราชอาสน์
• ศาลาวงกลม หรือศาลาลม จอมพลสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอเจ้าฟ้ากรมหลวงพิษณุโลกประชานารถ ทรงดำริให้จัดสร้างขึ้นเพื่อเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจของนักเรียนนายร้อย ภายในศาลาวงกลมประดิษฐานพระบรมรูปรัชกาลที่ 5
• อาคารพิพิธภัณฑ์โรงเรียนนายร้อย จปร. 100 ปี เป็นที่แสดงนิทรรศการเกี่ยวกับกองทัพไทย จัดแสดงอาวุธยุทโธปกรณ์ที่เคยใช้ทำสงครามในอดีต เครื่องแบบนายทหารของกองทัพ ห้องชมสไลด์มัลติวิชั่นบรรยายเรื่องราวและประวัติความเป็นมาของโรงเรียน และยังเป็นที่ประดิษฐานพระบรมรูปหุ่นขี้ผึ้งรัชกาลที่ 5 เปิดให้เข้าชมทุกวันตั้งแต่เวลา 08.30-16.00 น. ค่าเข้าชมคนละ 10 บาท
• ศาลเจ้าพ่อขุนด่าน เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์มีประชาชนเคารพนับถือมาก ตามประวัติท่านเป็นนายด่านเมืองนครนายกสมัยอยุธยา เมื่อปี พ.ศ.2130 ในรัชสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราชขณะที่ไทยติดพันศึกกับพม่า เขมรได้เข้ามารุกรานและกวาดต้อนผู้คนแถบปราจีนบุรีเพื่อนำกลับไปเขมร และได้ยึดเมืองปราจีนบุรีและเมืองนครนายก ขุนด่านได้รวบรวมชาวเมืองถอยไปตั้งหลักที่เขาชะโงกแล้วยกกำลังเข้าขับไล่เขมรออกจากนครนายกจนเขมรแตกพ่ายไป ยังมีเรื่องเล่าเกี่ยวกับความศักดิ์สิทธิ์ของท่านอีกว่าในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ญี่ปุ่นนำกำลังพลไปตั้งที่เขาชะโงก และได้รื้อศาลเจ้าพ่อขุนด่านท่านจึงแสดงอภินิหารทำให้ทหารญี่ปุ่นล้มตายเป็นจำนวนมาก
• พระพุทธฉาย เป็นภาพเขียนสีติดอยู่กับชะโงกผาบนภูเขาเตี้ย ๆ ถัดจากเขาชะโงกมีวิหารครอบไว้ พระพุทธฉายนี้ ประวัติเดิมเป็นอย่างไรไม่ปรากฏแต่เล่ากันว่าสภาพเดิมเป็นภาพพระพุทธรูปปางต่าง ๆ เมื่อ พ.ศ. 2485 กรมแผนที่ทหารบกเข้าไปตั้งโรงงานหินอ่อนที่เชิงเขานี้ และได้เขียนตามรอยพระพุทธรูปเดิมให้ชัดเจนขึ้น ชาวบ้านนับถือกันว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์แห่งหนึ่ง ทุกกลางเดือน 3 จะมีงานนมัสการเป็นประจำทุกปี
ถ้าเราเดินไปทางด้านหลังวัดพระฉายจะพบ “น้ำตกพระฉาย” เป็นน้ำตกเล็ก ๆ ตกลงมาเป็นสายจากผาสูงประมาณ 30 เมตร มายังแอ่งน้ำเบื้องล่างซึ่งสามารถเล่นน้ำได้ และจะมีน้ำมากในช่วงฤดูฝน
นอกจากการเที่ยวชมสถานที่น่าสนใจดังกล่าว นักท่องเที่ยวสามารถขับรถหรือขี่จักรยานเที่ยวชมบริเวณได้ โดยบริเวณศูนย์บริการท่องเที่ยวมีจักรยานให้เช่า และยังมีสถานที่พัก ห้องประชุมสัมมนา ค่ายเยาวชน กิจกรรมกีฬาที่เปิดให้บุคคลภายนอกใช้บริการได้ เช่น สนามยิงปืน สนามกอล์ฟ สนุกเกอร์ คาราโอเกะ และสำหรับผู้ที่ต้องการจัดกิจกรรมกลุ่ม เช่น เดินป่า พักแรมที่เขาชะโงก กิจกรรมไต่หน้าผาจำลองและหน้าผาจริง ต้องติดต่อล่วงหน้าอย่างน้อย 7 วัน สอบถามรายละเอียดได้ที่ศูนย์บริการท่องเที่ยวโทร. 0 3739 3010-5 ต่อ 62961-3
• หลวงพ่อเศียรนคร ประดิษฐานอยู่ ณ วัดบุญนาครักขิตาราม (วัดต่ำ) ตำบลนครนายก เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวจังหวัดนครนายกให้ความเคารพศรัทธา สันนิษฐานว่าเป็นพระพุทธรูปสมัยพระร่วง ขุดพบเมื่อ พ.ศ. 2495 บริเวณโรงกลั่นสุราจังหวัดนครนายก ซึ่งตั้งอยู่ใกล้วัดนางหงษ์ ตำบลท่าช้าง โดยขุดพบแต่เศียรไม่มีองค์ และได้นำไปไว้ที่โรงเรียนนายกพิทยา (ปัจจุบันยุบไปแล้ว) ต่อมานำไปประดิษฐานที่วัดบุญนาครักขิตาราม ในปี พ.ศ. 2511 มีผู้ศรัทธาสร้างองค์พระและโบสถ์ถวาย และถวายพระนามพระพุทธรูปองค์นี้ว่า “หลวงพ่อเศียรนคร” ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
• วัดใหญ่ทักขิณาราม ตั้งอยู่ที่ตำบลบ้านใหญ่ ริมแม่น้ำนครนายก จากตัวเมืองเดินทางตามทางหลวงหมายเลข 3049 แล้วเลี้ยวขวาเข้าบ้านใหญ่ วัดใหญ่เป็นวัดเก่าแก่กล่าวกันว่าชาวเวียงจันทน์ได้อพยพมาเมื่อครั้งเกิดสงครามลาวกับฝรั่งเศส ชาวเวียงจันทน์แพ้สงครามจึงอพยพลงมาทางใต้ และมีกลุ่มหนึ่งมาตั้งหลักแหล่งอยู่ในเขตอำเภอเมืองนครนายก เรียกว่า “บ้านใหญ่ลาว” และได้สร้างวัดขึ้นในปี พ.ศ. 2323 เรียกว่า “วัดใหญ่ลาว” ในปี 2484 ได้เปลี่ยนชื่อเป็นวัดใหญ่ทักขิณาราม สิ่งที่สำคัญในวัดคือ พระอุโบสถซึ่งมีขนาดกว้าง 6 เมตร ยาว 10.15 เมตร สูง 10 เมตร มีกำแพงแก้วล้อมรอบ สร้างโดยช่างชาวเวียงจันทน์ ลักษณะพระอุโบสถเป็นเครื่องไม้มุงกระเบื้อง ก่ออิฐถือปูน บานประตูเป็นไม้แกะสลักกรอบด้านขวามือเป็นรูปยักษ์ถือกระบองชูขึ้น และเท้าบั้นเอว หน้าบันเป็นไม้แกะสลักรูปเทพพนม กำแพงแก้วมีซุ้มประตูโค้งเลียนแบบศิลปะตะวันออก มีทหารสวมหมวกแต่งกายแบบยุโรปถือกระบองเป็นทวารบาลด้านละ 2 คน นอกกำแพงแก้วด้านทิศตะวันตกมีเจดีย์ย่อมุมไม้สิบสองแบบทรงเครื่องดูสวยงาม
• วัดพราหมณีและอนุสรณ์สถานกองพลทหารญี่ปุ่นที่ 37 ตั้งอยู่ตำบลสาริกา ประมาณกิโลเมตรที่ 5 ทางไปน้ำตกสาริกา-นางรอง สมัยสงครามมหาเอเชียบูรพา พ.ศ. 2482-2488 กองพลทหารญี่ปุ่นที่ 37 เคยมาตั้งทัพอยู่ที่วัดนี้ สมาคมทหารสหายสงครามกองพลญี่ปุ่นที่ 37 จึงสร้างอนุสรณ์สถานขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2535 เพื่อเป็นที่ระลึกถึงดวงวิญญาณของบรรดาทหารสังกัดกองพลญี่ปุ่นที่ 37 จำนวน 7,920 นาย ซึ่งเสียชีวิตในระหว่างสงคราม โดยนำอัฐิที่ฝังอยู่ในบริเวณวัดมาบรรจุในแท่นที่จัดสร้างขึ้น
นอกจากนี้ภายในบริเวณวัดพราหมณียังมีสวนสัตว์จำลองโดยมีรูปปูนปั้นสัตว์ป่ามากมาย เช่น ช้าง โค กระบือ กระทิง เก้ง กวาง และพระพุทธรูปเก่าแก่ทรงเครื่องดอกพิกุล พระโอษฐ์แดง เล่ากันว่าชาวลาวอพยพได้อัญเชิญมาเมื่อสมัยเวียงจันทน์แตก เรียกกันว่า “พระพุทธรูปปากแดง” ปกติโบสถ์ไม่เปิดถ้าประสงค์จะเข้าชมติดต่อขออนุญาตได้ที่เจ้าอาวาส
• รอยพระพุทธบาทจำลองเขานางบวช อยู่ในมณฑปบนยอดเขานางบวช ตำบลสาริกา ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ9 กิโลเมตร เขานางบวชสูงประมาณ 100 เมตร ทางขึ้นมีบันไดคอนกรีตจากเชิงเขาถึงมณฑป 227 ขั้น รอยพระพุทธบาทนี้สร้างไว้ตั้งแต่ พ.ศ. 2401 ในวันแรม 8 ค่ำ เดือน 12 ปีระกา และจะมีงานนมัสการรอยพระพุทธบาทในกลางเดือน 5 ของทุกปี
• เมืองโบราณดงละคร ตั้งอยู่ที่ตำบลดงละคร ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ9 กิโลเมตร ไปตามทางหลวงหมายเลข 3076 เลี้ยวขวาเข้าไปประมาณ 6.3 กิโลเมตร ผ่านวัดเจดีย์ทอง และเลี้ยวไปทางเดียวกับวัดดงละคร แต่เดิมเรียกกันว่า “เมืองลับแล” เป็นสถานที่ตั้งเมืองโบราณสมัยทวารวดีและขอม เนินดินดงละครหรือดงใหญ่มีเนื้อที่ประมาณ 6 ตารางกิโลเมตร ภายในมีเมืองโบราณหรือดงเล็ก ลักษณะเป็นรูปไข่อยู่ค่อนไปทางทิศตะวันตกของเนินดิน มีคันดินเป็นกำแพง 2 ชั้นชาวบ้านเรียกกันว่า “สันคูเมือง” และมีคูน้ำล้อมรอบ ลักษณะเดียวกับเมืองโบราณทั่วไปในสมัยทวารวดี ภายในเมืองน่าจะเป็นที่อยู่อาศัยของชนชั้นปกครอง ส่วนประชาชนทั่วไปน่าจะกระจายอยู่ในบริเวณที่ลุ่มรอบเมือง ความรุ่งเรืองที่เด่นชัดแบ่งเป็นสองช่วง ช่วงแรกเริ่มพุทธศตวรรษที่ 14-16 เป็นวัฒนธรรมแบบทวารวดี ช่วงที่สองราวพุทธศตวรรษที่ 17-19 เป็นวัฒนธรรมขอม และวัฒนธรรมก่อนอยุธยา พุทธศตวรรษที่ 19 ชาวบ้านดงละครคงจะอพยพไปตั้งถิ่นฐานตามลำน้ำสายหลักในจังหวัดนครนายก สันนิษฐานว่าน่าจะมีความสำคัญเกี่ยวข้องกับเมืองศรีมโหสถที่จังหวัดปราจีนบุรี เพราะเมืองทั้งสองอยู่ห่างกันเพียง 55 กิโลเมตร โบราณวัตถุที่ค้นพบบริเวณโบราณสถาน ได้แก่ เศษภาชนะดินเผา ภาชนะเคลือบสีฟ้า ลูกปัดแก้ว ลูกปัดหิน เบี้ยดินเผา แผ่นตะกั่ว ตุ้มหูสำริด แผ่นทองคำ เศียรพระพุทธรูปกะไหล่ทอง สถูปศิลาแลง แหวนสำริด กำไลสำริด เป็นต้น
สำหรับตำนานเมืองนั้นเล่ากันว่า เมืองนี้เคยเป็นเมืองของราชินีขอมซึ่งเป็นที่รโหฐานผู้อื่นไม่สามารถเข้าออกได้ง่ายนัก ประกอบกับลักษณะของบริเวณเมืองมีต้นไม้สูงขึ้นอยู่ทั่วไปใครเข้าไปแล้วอาจหาทางออกไม่ได้ จะต้องวนเวียนอยู่ในดงนั้นเอง และวันโกนวันพระจะได้ยินเสียง กระจับปี่ ซอ ปี่พาทย์ มโหรีขับกล่อมคล้าย ๆ กับมีการเล่นละครในวัง ชาวบ้านจึงเรียกกันว่า “ดงละคร” หรืออีกนัยหนึ่งคำว่า “ดงละคร” นั้นอาจเพี้ยนมาจาก“ดงนคร” กรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานแห่งชาติ เมื่อวันที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2478
• อ่างเก็บน้ำห้วยปรือ อยู่ที่ตำบลเขาพระ แยกซ้ายมือจากถนนที่ไปน้ำตกสาริกา-นางรองตรงหลักกิโลเมตรที่ 1 ไปตามถนนเขาทุเรียนระยะทางประมาณ 11 กิโลเมตร (ทางไปบ้านวังรี) เป็นอ่างเก็บน้ำขนาดเล็กที่มีทิวทัศน์สวยงามตามธรรมชาติมีน้ำตลอดปี มีถนนลาดยางรอบอ่าง เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำหรับพักผ่อนหย่อนใจของประชาชน และใช้เป็นศูนย์กีฬาทางน้ำของจังหวัดนครนายก เนื่องจากมีศักยภาพในการเล่นเรือกรรเชียง เรือแคนูน้ำเรียบ เรือใบ และวินด์เซิฟในบางฤดู
• อ่างเก็บน้ำทรายทอง อยู่ที่ตำบลเขาพระ แยกซ้ายมือจากถนนที่ไปน้ำตกสาริกา-นางรอง ตรงหลักกิโลเมตรที่ 1 ไปตามถนนเขาทุเรียนระยะทางประมาณ 15 กิโลเมตร (ทางเดียวกับอ่างเก็บน้ำห้วยปรือ) เป็นอ่างเก็บน้ำขนาดเล็ก ภูมิประเทศโดยรอบเป็นภูเขาคงความสวยงามตามธรรมชาติ เหนืออ่างเก็บน้ำขึ้นไปประมาณ 2 กิโลเมตร มี ”น้ำตกทรายทอง” เป็นน้ำตกขนาดเล็กมีน้ำเกือบตลอดปี การเดินทางไปยังน้ำตกทรายทองต้องเดินเท้าเข้าไปโดยเริ่มจากตัวเขื่อนอ่างเก็บน้ำใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที
• น้ำตกลานรักหรือน้ำตกตาดหินกอง ตั้งอยู่ในตำบลสาริกา ใช้เส้นทางเดียวกับทางไปน้ำตกสาริกาและน้ำตกนางรอง โดยเลี้ยวซ้ายที่สี่แยกประชาเกษมประมาณหลักกิโลเมตรที่ 8 เข้าไปประมาณ 5 กิโลเมตรก็จะถึงบริเวณตัวน้ำตกซึ่งเกิดจากสายธารเล็ก ๆ ไหลผ่านลานหินในช่วงสุดท้ายและไหลพุ่งเป็นทางยาวผ่านที่กว้างเลียบตรงเชิงเขาเตี้ย ๆ สวยงาม และแปลกตาไปจากน้ำตกแห่งอื่น น้ำตกลานรักมีน้ำเฉพาะในฤดูฝน ในฤดูแล้งน้ำจะแห้ง และในช่วงเดือนกันยายนถึงพฤศจิกายนจะมีน้ำมากที่สุดเหมาะที่จะเดินทางไปท่องเที่ยว
• น้ำตกสาริกา เป็นน้ำตกในเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ตั้งอยู่ที่ตำบลสาริกา เดินทางจากตัวเมืองไปตามทางหลวงหมายเลข 3049 เป็นระยะทาง 12 กิโลเมตร แล้วแยกซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 3050 อีก 3 กิโลเมตร เป็นทางลาดยางตลอดสาย น้ำตกสาริกาเป็นน้ำตกขนาดใหญ่สายน้ำไหลตกจากหน้าผาเป็นทอด ๆ ถึง9 ชั้น ผาที่สูงที่สุดประมาณ 200 เมตร แต่ละชั้นมีอ่างรับน้ำและมีน้ำมากในฤดูฝน ส่วนฤดูแล้งน้ำแห้ง บริเวณด้านล่างของน้ำตกมีบริการห้องอาบน้ำ ร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก ค่าเข้าชมน้ำตกผู้ใหญ่คนละ 20 บาท เด็ก 10 บาท
ในบริเวณใกล้เคียงกันมี “ถ้ำสาริกา” อาจารย์มั่น ภูริฑตฺโต เคยมาบำเพ็ญศาสนธรรมที่นี่ระหว่าง พ.ศ. 2460-2463 สภาพเป็นเนินเขา ภายในบริเวณประกอบด้วยกุฏิของสงฆ์ เรือนบูชาหลวงปู่มั่น และโบสถ์ ซึ่งอยู่สุดทางเดินเท้าขึ้นเขา
• วังตะไคร้ ตั้งอยู่ที่ตำบลหินตั้ง ใกล้กับน้ำตกนางรองอยู่ห่างจากตัวเมืองประมาณ 16 กิโลเมตร ตามทางหลวงหมายเลข 3049 วังตะไคร้เป็นของกรมหมื่นนครสวรรค์ศักดิ์พินิจ และหม่อมราชวงศ์หญิงพันธุ์ทิพย์บริพัตร เป็นอุทยานที่ได้รับการตกแต่งด้วยพันธุ์ไม้ดอกไม้ประดับนานาพันธุ์ในเนื้อที่ 1,500 ไร่ มีถนนให้นำรถยนต์เข้าชมในบริเวณได้ เปิดรับนักท่องเที่ยวทั่วไปทั้งประเภทเช้าไปเย็นกลับ และประเภทค้างแรม โดยคิดค่าผ่านประตูดังนี้ นักท่องเที่ยวเดินเท้าคนละ 10 บาท รถยนต์ รถกระบะ รถตู้ รถสองแถวคันละ 100 บาท (ผู้โดยสารไม่เกิน 4 คน) มากกว่า 4 คน คิดเพิ่มตามจำนวนคน ๆ ละ 10 บาท รถบัสคนละ 10 บาท
• น้ำตกนางรอง ตั้งอยู่ที่ตำบลหินตั้ง ห่างจากตัวเมืองประมาณ 20 กิโลเมตร เดินทางไปตามทางหลวงหมายเลข 3049 น้ำตกนางรองอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เป็นน้ำตกขนาดกลางที่ไหลลดหลั่นลงมาเป็นชั้น ๆ ไม่สูงนัก มีความสวยงามเป็นธรรมชาติ ในช่วงฤดูฝนกระแสน้ำจากน้ำตกนางรองจะไหลเชี่ยวมากควรระมัดระวังในการลงเล่นน้ำ การจัดบริเวณภายในเป็นระเบียบสะอาดตา และมีบ้านพักบริการ การเข้าชมน้ำตกนางรองนักท่องเที่ยวจะต้องเสียค่าบำรุงสถานที่ดังนี้ รถยนต์โดยสาร (รวมบุคคล) 150 บาท รถยนต์เล็ก (รวมบุคคล) 50 บาท รถตู้ (รวมบุคคล) 100 บาท รถจักรยานยนต์ 10 บาท บุคคลคนละ 5 บาท

อำเภอบ้านนา
• น้ำตกกะอาง ตั้งอยู่ที่ตำบลเขาเพิ่ม จากตัวเมืองไปตามถนนสุวรรณศรถึงอำเภอบ้านนาเยื้องกับสถานีตำรวจภูธรอำเภอบ้านนา มีถนนแยกไปน้ำตกกะอางระยะทาง 11 กิโลเมตร เป็นน้ำตกเล็ก ๆ ลักษณะเป็นลานหินกว้างมีน้ำตกไหลผ่านตามช่องหิน ช่วงเวลาที่เหมาะสมกับการท่องเที่ยว คือช่วงฤดูฝน (ประมาณเดือนกันยายนถึงตุลาคม) ฤดูแล้งน้ำจะแห้ง ในบริเวณยังไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกใด ๆ บริเวณใกล้เคียงมีสถานีเพาะชำกล้าไม้ของกรมป่าไม้ตั้งอยู่ด้วย และมีเนินเขาเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัย

อำเภอปากพลี
• พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านไทยพวนวัดฝั่งคลอง ตั้งอยู่ตำบลปากพลี ริมทางหลวงหมายเลข 33 พิพิธภัณฑ์นี้เป็นที่รวบรวมข้าวของเครื่องใช้ของชาวไทยพวนในอดีตอายุราว 200 ปี เช่น ผ้าซิ่นไทยพวน โม่หิน ถังต้มกาแฟโบราณ อุปกรณ์ในการทำนา เครื่องมือในการทอผ้า เป็นต้น นอกจากนี้ภายในบริเวณวัดยังมีกลุ่มทอผ้าพื้นเมือง และทำไข่เค็มสูตรใบเตยหอม
• น้ำตกวังม่วง ตั้งอยู่ที่ตำบลนาหินลาด โดยเดินทางไปตามถนนสุวรรณศร (ทางหลวงหมายเลข 33) แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 3288 เป็นระยะทางประมาณ 16 กิโลเมตร เส้นทางสะดวกไปจนถึงบริเวณน้ำตก มีน้ำไหลผ่านแนวหินเป็นระยะ ๆ ลงมายังอ่างรับน้ำสุดท้าย บริเวณโดยรอบเป็นป่าร่มรื่น ต้องเดินเท้าขึ้นเขาไปประมาณ 2 กิโลเมตรจึงจะสุดน้ำตก ช่วงเวลาที่เหมาะสมกับการท่องเที่ยวจะเป็นช่วงฤดูฝน เพราะจะมีน้ำมาก
• วัดป่าศรีถาวรนิมิต ตั้งอยู่ที่บ้านบุ่งเข้ ตำบลหนองแสง จากตัวเมืองแยกซ้ายมือจากถนนสุวรรณศรไปตามทางหลวงสายนครนายก-ท่าด่าน (ถนนสาย 3239) ระยะทางประมาณ 8 กิโลเมตร มีทางแยกขวามือเข้าไปอีกประมาณ 6 กิโลเมตร บริเวณวัดเนื้อที่ประมาณ 350 ไร่ อยู่ติดกับเทือกเขาใหญ่ที่รายล้อมด้วยภูเขาน้อยใหญ่ บริเวณโดยรอบมีไม้ยืนต้นร่มรื่นและเงียบสงบ มีกุฏิปฏิบัติธรรมนับร้อยหลัง สำหรับพระภิกษุ สามเณร อุบาสก อุบาสิกา และประชาชนผู้สนใจปฏิบัติธรรมทั่วไป ในบริเวณนี้ยังมีโครงการเมืองสหกรณ์อันเนื่องมาจากพระราชดำริ มีการทำสวนผักปลอดสารพิษและนาข้าวโดยใช้ระบบเกษตรธรรมชาติ วัดนี้อยู่ในความอุปถัมภ์ของมูลนิธิถาวรจิตตถาวโรวงศ์มาลัย ติดต่อที่โทร. 0 3730 8365-6
• อ่างเก็บน้ำวังบอน ตั้งอยู่บ้านวังบอน หมู่ที่ 7 ตำบลนาหินลาด จากตัวเมืองนครนายกใช้ทางหลวงหมายเลข 33 เลี้ยวซ้ายก่อนถึงอำเภอปากพลี (เส้นทางไปน้ำตกวังม่วง) ระยะทางประมาณ 24 กิโลเมตร บริเวณรอบอ่างเก็บน้ำเป็นพื้นที่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ซึ่งยังคงความอุดมสมบูรณ์ เหมาะสำหรับการพักผ่อนหย่อนใจ และกิจกรรมด้านการท่องเที่ยว เช่น เดินป่า ดูนก โรยตัวจากหน้าผาชมความงามของน้ำตกธารรัตนา ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ พายเรือแคนูชมความงามของน้ำตกวังบอน เป็นต้น
• น้ำตกเหวนรก ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เดินทางจากตัวเมืองไปตามถนนสุวรรณศร ถึงสี่แยกเนินหอมหรือวงเวียนศาลสมเด็จพระนเรศวร เลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวง 3077 ซึ่งเป็นทางขึ้นเขาใหญ่ไปจนถึงกิโลเมตรที่ 24 มีทางเดินเท้าไปน้ำตกเหวนรกอีก 1 กิโลเมตร น้ำตกเหวนรกเป็นน้ำตกขนาดใหญ่มีทั้งหมด 3 ชั้น ชั้นแรกสูงประมาณ 60 เมตร เมื่อน้ำไหลผ่านน้ำตกชั้นนี้จะพุ่งไหลสู่หน้าผาชั้นที่สองและชั้นที่สาม ในลักษณะการไหลตก90 องศาไปสู่หุบเหวเบื้องล่าง ในช่วงฤดูฝนน้ำจะไหลแรงมากจนน่ากลัว

อำเภอองครักษ์
• ศาลเจ้าพ่อองครักษ์ ตั้งอยู่ฝั่งแม่น้ำนครนายก ในเขตตำบลสันทรายมูล มีเรื่องเล่าว่าเมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จเถลิงถวัลย์ราชสมบัติ ได้เสด็จประพาสจังหวัดปราจีนบุรีโดยเสด็จผ่านมาตามลำแม่น้ำนครนายก และได้มาประทับแรมบริเวณที่ตั้งศาลเจ้าพ่อองครักษ์ในปัจจุบัน ในระหว่างประทับแรมอยู่นั้นนายทหารราชองครักษ์ป่วยและเสียชีวิตลง จึงทรงมีพระราชประสงค์ให้สร้างศาลขึ้นเป็นอนุสรณ์ ศาลแห่งนี้จึงมีชื่อเรียกว่า“ศาลเจ้าพ่อองครักษ์” และใช้เป็นชื่อของอำเภอองครักษ์ในเวลาต่อมา บริเวณหน้าศาลเจ้าพ่อองครักษ์นี้เป็นวังน้ำวน น้ำไหลเชี่ยวมาก ถือว่าน้ำตรงวังน้ำวนเป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์ จึงนำไปทำพิธีสรงน้ำมูรธาภิเษกเมื่อคราวประกอบพระราชพิธีบรมราชาภิเษกของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช

Source : tourismthailand.org