สถานที่ท่องเที่ยวในนครสวรรค์

สถานที่ท่องเที่ยวนครสวรรค์

ข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยวนครสวรรค์

อำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์

• บึงบอระเพ็ด เป็นบึงน้ำจืดขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มีเนื้อที่ประมาณ 132,737 ไร่ ครอบคลุมพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมือง อำเภอท่าตะโก และอำเภอชุมแสง ในอดีตบึงบอระเพ็ดได้ชื่อว่าเป็น "ทะเลเหนือ" หรือ "จอมบึง" เพราะมีสัตว์และพันธุ์พืชน้ำอยู่มากมาย จากการสำรวจพบว่ามีสัตว์อาศัยอยู่ประมาณ 148 ชนิด พืช 44 ชนิด เคยพบสัตว์หายากที่นี่ ได้แก่ นกเจ้าฟ้าหญิงสิรินธร ปลาเสือตอ ในช่วงเดือนมกราคมถึงมีนาคมจะมีนกเป็ดน้ำจำนวนมากอพยพมาที่บึงแห่งนี้ นกประจำถิ่น ได้แก่ อีโก้ง อีแจว ปากห่าง ซึ่งจะวางไข่ในเดือนกรกฎาคม-มีนาคม พื้นที่บางส่วนได้รับการประกาศให้เป็นเขตห้ามล่าสัตว์ป่า บึงบอระเพ็ดอยู่ในความดูแลของกองอนุรักษ์สัตว์ป่า และยังเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ปลา โดยกรมประมงได้มาตั้งสถานีพัฒนาประมงบึงบอระเพ็ดไว้ด้วย
การเดินทาง จากตัวเมืองนครสวรรค์ไปบึงบอระเพ็ด สามารถไปได้หลายเส้นทาง
ทางเรือ จากตลาดท่าน้ำเทศบาลเมืองนครสวรรค์ไปตามลำน้ำผ่านขึ้นไปทางเหนือ ประมาณ 6 กิโลเมตร ถึงปากคลองเข้าบึงบอระเพ็ดที่เรียกว่าคลองหนองดุก เมื่อลอดใต้สะพานรถไฟเข้าไปก็จะถึงบริเวณบึง
ทางรถยนต์ สามารถเข้าถึงบึงบอระเพ็ดได้ 2 ด้าน คือ
1) หากเข้าทางด้านเหนือ ไปตามเส้นทางสายนครสวรรค์-ชุมแสง ทางหลวงหมายเลข 225 ประมาณ9 กิโลเมตร จะมีทางแยกขวาอีก 2 กิโลเมตร เข้าไปยัง สถานีพัฒนาประมงน้ำจืดบึงบอระเพ็ด ในบริเวณมี ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืด จัดแสดงตู้ปลาน้ำจืดชนิดต่าง ๆ เช่น ปลากระโห้ ปลากระเบนขาว ปลากะพงขาว ปลาเทโพ ปลายี่สก ฯลฯ เปิดให้ชมฟรี เวลา 08.30-16.30 น.ในวันธรรมดา และ 09.00-16.30 น.ในวันเสาร์-อาทิตย์ โทร. 0 5623 0183 นอกจากนี้ยังมีบ่อเพาะพันธุ์จระเข้ มีเรือหางยาวนำชมบึง เรือลำเล็กจุได้ 5 คน ไม่รวมคนขับ ราคา 300 บาท เรือลำใหญ่จุได้ 10 คน ราคา 400 บาท เรือจะล่องไปถึงเกาะลัดและกลับใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง สามารถนำอาหารไปรับประทานบนเรือได้ มีเรือบริการระหว่างเวลา 09.00-17.00 น. แต่ถ้าล่องในช่วงแปดถึงเก้าโมงเช้าจะพบนกได้ง่ายกว่า สอบถามรายละเอียดได้ที่สถานีพัฒนาประมงน้ำจืดบึงบอระเพ็ด โทร. 0 5622 1561
2) อีกเส้นทางหนึ่งคือเข้าทางด้านทิศใต้ของบึงบอระเพ็ด จากตัวเมืองใช้ทางหลวงหมายเลข 3001 สายนครสวรรค์-ท่าตะโก ประมาณ 20 กิโลเมตร แล้วเลี้ยวซ้ายตามป้ายอีก 4 กิโลเมตร ถึง อุทยานนกน้ำ หรือ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าบึงบอระเพ็ด จัดทำเส้นทางศึกษาธรรมชาติ ในบริเวณที่ตั้งสำนักงานมีสวนพักผ่อน มีนกหลายชนิดให้ชม เรือหางยาวนำชมบึงบอระเพ็ดค่าบริการเหมาลำ ชั่วโมงละ 200 บาท มีบ้านพักบริการ สอบถามรายละเอียดได้ที่ เขตห้ามล่าสัตว์ป่าบึงบอระเพ็ด หรือสถานีพัฒนาและส่งเสริมการอนุรักษ์สัตว์ป่าบึงบอระเพ็ด ซึ่งเป็นที่ตั้งของชมรมดูนกจังหวัดนครสวรรค์ โทร. 0 5622 7874 เปิดทุกวัน เวลา 08.30-16.30 น.
• วัดจอมคีรีนาคพรต (วัดเขา) อยู่บนยอดเขาบวชนาค ระหว่างสะพานเดชาติวงศ์และค่ายจิรประวัติ ตำนานกล่าวว่า เมื่อกองทัพพม่าตีกรุงศรีอยุธยาแตกในครั้งที่ 2 ได้แล้ว จึงร่วมกันสร้างวัดนี้ขึ้นเพื่อแสดงว่านับถือพุทธศาสนาเช่นกัน สิ่งที่น่าสนใจในวัดได้แก่ รอยพระพุทธบาทจำลองและพระอุโบสถที่ชาวบ้านเรียกว่า “โบสถ์เทวดาสร้าง” ทุก ๆ เดือน 12 ของปีจะมีงานนมัสการและปิดทองรอยพระพุทธบาทจำลองนี้เรียกว่า “งานวัดเขา” ซึ่งนอกจากจะมีงานสมโภชน์แบบงานวัดทั่วไปแล้วยังมีการแข่งขันเรือยาวอีกด้วย เมื่อขึ้นไปอยู่บนยอดเขาบวชนาคและมองลงมาจะเห็นทัศนียภาพที่สวยงามของสะพานเดชาติวงศ์ แม่น้ำเจ้าพระยา และเขากบ
การเดินทาง วัดจอมคีรีนาถพรต ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 32 สายเอเชีย ก่อนถึงสะพานเดชาติวงศ์เลี้ยวซ้ายเข้าวัด ระยะทางห่างจากตัวเมืองประมาณ 1 กิโลเมตร
• อุทยานสวรรค์ เป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่อยู่ในเขตเทศบาลนครสวรรค์มีผู้นิยมไปพักผ่อนหย่อนใจกันมาก มีเนื้อที่ 314 ไร่ ใกล้ทางแยกสายเชียงใหม่-พิษณุโลก ติดกับถนนสายเอเชีย อุทยานสวรรค์เดิมเป็นหนองน้ำขนาดใหญ่ เรียกว่า "หนองสมบุญ" มีถนนวงแหวน 2 ชั้นล้อมรอบ ตรงกลางเป็นเกาะมีเนื้อที่ 4 ไร่ มีสวนหย่อม สนามหญ้า น้ำพุ เวทีกลางแจ้ง น้ำตก ริมฝั่งน้ำภายในอุทยานจัดเป็นสวนสุขภาพ ด้านหน้าของสวนสาธารณะสร้างอย่างสวยงาม มีห้องน้ำ ห้องแต่งตัวบริการแก่นักท่องเที่ยว
• ศาลเจ้าพ่อเทพารักษ์-เจ้าแม่ทับทิม ตั้งอยู่บริเวณชุมชนชาวปากน้ำโพ ริมฝั่งขวาของแม่น้ำเจ้าพระยา ศาลแห่งนี้เป็นที่เคารพสักการะและเป็นจุดรวมน้ำใจของชาวบ้าน รวมทั้งผู้สัญจรทางน้ำที่ผ่านไปมา และบริเวณนี้ยังเป็นจุดชมต้นแม่น้ำเจ้าพระยาได้ชัดเจนที่สุดด้วย
การเดินทาง ใช้ทางหลวงหมายเลข 225 สายนครสวรรค์-ชุมแสง ห่างจากตัวเมืองประมาณ 3 กิโลเมตร ศาลฯ อยู่ด้านซ้ายมือ หรือจะใช้บริการเรือข้ามฟากจากตลาดบริเวณหน้าเขื่อนก็สะดวกเช่นกัน มีเรือบริการตั้งแต่ 05.00-19.00 น. และบริเวณด้านหน้าศาลเจ้า ยังสามารถมองเห็นต้นแม่น้ำเจ้าพระยาได้ด้วย
• ต้นแม่น้ำเจ้าพระยา นครสวรรค์ได้ชื่อว่าเป็นเมืองต้นแม่น้ำเจ้าพระยา ทั้งนี้เนื่องจากแม่น้ำปิงและแม่น้ำน่านได้ไหลมาบรรจบกันที่ตำบลปากน้ำโพ บริเวณด้านหน้าเขื่อนในตัวเมือง (บริเวณตลาด) ซึ่งเป็นจุดรวมของแม่น้ำทั้งสองสายดังกล่าว ซึ่งมองเห็นถึงความแตกต่างของสายน้ำทั้งสองได้อย่างชัดเจน กล่าวคือแม่น้ำน่านมีสีค่อนข้างแดง แม่น้ำปิงมีสีค่อนข้างไปทางเขียว เมื่อมาบรรจบกันแล้วจึงค่อย ๆ รวมตัวเข้าด้วยกันกลายเป็นแม่น้ำสายใหญ่ เป็นสายสำคัญของประเทศไทย ไหลผ่านจังหวัดต่าง ๆ ในภาคกลางไปจนถึงกรุงเทพฯ และออกอ่าวไทยที่จังหวัดสมุทรปราการ มีความยาวประมาณ 370 กิโลเมตร จุดชมต้นแม่น้ำเจ้าพระยา คือ บริเวณหน้าศาลเจ้าพ่อเทพารักษ์-เจ้าแม่ทับทิม
นักท่องเที่ยวที่ต้องการจะเที่ยวทางเรือเพื่อชมทัศนียภาพสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา และแวะนมัสการหลวงพ่อโตที่วัดปากน้ำโพ (วัดทองธรรมชาติเหนือ) สามารถเช่าเรือจากท่าน้ำเจ้าพระยา
• วัดเกรียงไกรกลาง ตั้งอยู่หมู่ที่ 5 ตำบลเกรียงไกร ริมฝั่งแม่น้ำน่าน ภายในวัดมีพระพุทธรูปสำริด ปางมารวิชัย ศิลปะสุโขทัย และวิหารเก่าสร้างในสมัยรัชกาลที่ 5 ระหว่าง พ.ศ. 2400-2430 เป็นสิ่งก่อสร้างเดียวของวัดที่ยังไม่มีการบูรณะ มีรอยพระพุทธบาทจำลอง ประดิษฐานอยู่ภายใน มีจิตรกรรมฝาผนังเป็นภาพพุทธชาติชาดก พระประธานในวิหาร คือ หลวงพ่อสัมฤทธิ์ เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย มีประวัติที่น่าสนใจคือ เมื่อกรุงสุโขทัยใกล้เสื่อมอำนาจลง และมีภัยสงครามอยู่เป็นประจำชาวสุโขทัยจึงได้นำพระพุทธรูปล่องแพมาตามลำน้ำ และเมื่อมาถึงปากน้ำเชียงไกล แพจมลงจึงนำพระพุทธรูปขึ้นและโบกปูนทับ เพื่อให้ปลอดภัยจากสงคราม จนกระทั่งเมื่อสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้น พ.ศ.2147 ชาวบ้านได้สร้างวัดนี้ขึ้นตรงที่ประดิษฐานพระพุทธรูป และนำพระพุทธรูปซ่อนไว้ในผนังพระอุโบสถเพื่อป้องกันภัยสงคราม และไม่มีใครล่วงรู้จนกระทั่งเวลาผ่านไปเป็นร้อยปี เมื่อ พ.ศ.2511 ได้มีการซ่อมผนังพระอุโบสถจึงพบแต่พระพุทธรูปปูนธรรมดา นานวันเข้าปูนกะเทาะออกจึงทราบว่าเป็นพระพุทธรูปทองคำ
บริเวณหน้าวัดมีฝูงลิงอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก และมีฟาร์มจระเข้ด้วย ตามปกติวิหารเก่า จะเปิดให้เข้าชมในช่วงเทศกาลเท่านั้น สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการเข้าชมช่วงนอกเทศกาลสามารถแจ้งทางวัดให้เปิดได้
การเดินทาง ใช้ทางหลวงหมายเลข 225 สายนครสวรรค์-ชุมแสง ระยะทางประมาณ 10 กิโลเมตร เลี้ยวซ้ายตามป้ายบอกทางเข้าไปประมาณ 2 กิโลเมตร ถึงตัววัดรวมระยะทางห่างจากตัวเมืองประมาณ 12 กิโลเมตร หรือเช่าเรือจากท่าน้ำเจ้าพระยา ล่องมาตามลำน้ำน่านขึ้นที่ท่าน้ำวัดเกรียงไกรกลาง
• วัดศรีสวรรค์สังฆาราม (วัดถือน้ำ) ตั้งอยู่ที่ตำบลนครสวรรค์ ห่างจากตัวเมือง 4 กิโลเมตร ไปตามถนนพหลโยธิน (นครสวรรค์-กรุงเทพฯ) เข้าไปทางค่ายจิรประวัติ เป็นวัดเก่าแก่ทางประวัติศาสตร์ ซึ่งเป็นสถานที่สำหรับข้าราชการทำพิธีถือน้ำพิพัฒน์สัตยา พระประธานในพระอุโบสถหลังเก่าประมาณอายุได้ 100 ปีเศษ ใน พ.ศ. 2519 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอทั้งสองพระองค์ เสด็จฯ มาทรงตัดลูกนิมิตพระอุโบสถหลังใหม่ นอกจากนี้ยังพบบุษบกซึ่งเชื่อว่าเป็นของรัชกาลที่ 5 และมีพิพิธภัณฑ์ของใช้โบราณอยู่ในเจดีย์กาญจนาภิเษก 50 ปี วัดนี้ถือได้ว่าเป็นวัดเก่าแก่ที่สุดที่มีคุณค่าแก่การศึกษาทางประวัติศาสตร์อย่างยิ่งแห่งหนึ่ง
การเดินทาง ใช้ทางหลวงหมายเลข 32 สายเอเชีย เลี้ยวซ้ายไปทางค่ายจิรประวัติ ทางหลวงหมายเลข 3001 ประมาณ 2 กิโลเมตร มีป้ายบอกทางตลอด รวมระยะทางห่างจากตัวเมืองประมาณ 3 กิโลเมตร
• วัดวรนาถบรรพต (เขากบ) เป็นวัดเก่าแก่ของนครสวรรค์ ตั้งอยู่บนยอดเขาและเชิงเขากบ สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 185.50 เมตร มีทางขึ้น 2 ทางคือ ทางเดินขึ้นบันได จำนวน 439 ขั้น และอีกด้านหนึ่งมีถนนลาดยางขึ้นสู่ยอดเขา ทางโค้งหักศอกหลายจุด ซึ่งมีโบราณวัตถุ อาทิ รอยพระพุทธบาทจำลอง เจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ซึ่งสร้างสมัยสุโขทัยเป็นราชธานี บริเวณเชิงเขามีเจดีย์ขนาดใหญ่สมัยสุโขทัย ซึ่งกรมศิลปากรได้จารึกประวัติศาสตร์ของวัดไว้ที่ฐานของเจดีย์องค์นี้ด้วย วัดนี้ได้รับการยกย่องจากกรมการศาสนา และมหาเถรสมาคมให้เป็นวัดพัฒนาตัวอย่างเมื่อ พ.ศ. 2509 นอกจากนั้นในวัดยังมีรูปหล่อพระหลวงพ่อทอง อันเป็นที่เคารพนับถือของชาวจังหวัดนครสวรรค์ ประดิษฐานอยู่ในวิหารข้างเจดีย์ใหญ่ด้วย บริเวณเนินเขาใกล้เคียงเป็นที่ตั้งของสถานีถ่ายทอดสัญญาณโทรทัศน์ ช่อง 3 5 79 และ 11 จาก กรุงเทพฯ ไปสู่จังหวัดในภาคเหนือ
การเดินทาง ใช้ทางหลวงหมายเลข 32 สายเอเซีย เลี้ยวขวาอีกครั้งเข้าทางหลวงหมายเลข 1 มุ่งหน้าสู่เทศบาลจังหวัดนครสวรรค์ ก่อนถึงเทศบาลมีแยกซ้ายมือขึ้นเขากบ ระยะทางห่างจากตัวเมืองประมาณ 1 กิโลเมตร
• วัดนครสวรรค์ (วัดหัวเมือง) ตั้งอยู่ที่ถนนสวรรค์วิถี ปากซอย 27 รั้วเดียวกับมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย เป็นที่ประดิษฐาน พระผู้ให้อภัยยิ่ง หรือ พระหันหลังให้กัน อยู่หลังโบสถ์วัดนครสวรรค์ด้านถนนเทพสิทธิชัย หันหน้าไปทางทิศตะวันออกองค์หนึ่ง อีกองค์หนึ่งหันหน้าไปทางทิศตะวันตก เป็นพระพุทธรูปเก่าแก่ มีประวัติว่าพม่าสร้างไว้เป็นอนุสรณ์เมื่อยกทัพมาถึงเมืองนครสวรรค์ การหันหลังให้กันอาจมีความหมายถึงการให้อภัยไม่จองเวรจองกรรมกันอีกต่อไป และภายในโบสถ์วัดนครสวรรค์นั้น มีพระพุทธรูปนามว่า หลวงพ่อศรีสวรรค์ ประดิษฐานอยู่เป็นที่เคารพสักการะของชาวนครสวรรค์
• หอวัฒนธรรมจังหวัดนครสวรรค์ ตั้งอยู่ในมหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ ตำบลนครสวรรค์ เป็นอาคาร 2 ชั้น สถาปัตยกรรมไทยประยุกต์ตรีมุขที่สวยงาม เป็นศูนย์รวมข้อมูลทางประวัติศาสตร์ โบราณคดี และวัฒนธรรมของจังหวัด ภายในเป็นห้องนิทรรศการ แสดงพัฒนาการทางวัฒนธรรมและแหล่งโบราณคดีต่าง ๆ นอกจากนี้ยังมีโรงละครขนาด 110 ที่นั่ง จัดแสดงประเพณีศิลปวัฒนธรรม หอวัฒนธรรมนี้สร้างเสร็จเมื่อเดือนมิถุนายน 2535 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี ได้เสด็จพระราชดำเนินมาทำพิธีเปิด เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2535 เปิดให้เข้าชมทุกวันระหว่างเวลา 09.00-15.00 น. ไม่เสียค่าเข้าชม รายละเอียดติดต่อ โทร. 0 56219100-29 ต่อ 1190-1
• ถ้ำบ่อยา (วัดเทพนิมิตทรงธรรม) จากบริเวณเชิงเขา มีบันไดขึ้นไปสู่ตัวถ้ำ ภายในถ้ำมีบริเวณกว้างขวางพอสมควร แบ่งออกเป็น 3 ช่วง ตอนแรกเป็นที่ตั้งพระประธานองค์ใหญ่ ช่วงที่ 2 อยู่ลึกเข้าไปข้างในเป็นทางตัน บริเวณนี้จะมีบ่อน้ำทิพย์ซึ่งชาวบ้านถือว่าเป็นบ่อยาศักดิ์สิทธิ์อยู่ด้วย ช่วงที่ 3 เป็นทางที่จะออกจากบริเวณถ้ำสู่ภายนอกได้ทางหนึ่ง ภายในถ้ำมีไฟฟ้าให้แสงสว่างตลอดทั้งถ้ำ
การเดินทาง ถ้ำบ่อยาตั้งอยู่ที่หมู่บ้านหินก้อน ตำบลหนองกรด ห่างจากตัวเมืองประมาณ 30 กิโลเมตร ใช้ทางหลวงหมายเลข 1 จากนครสวรรค์มุ่งหน้าสู่จังหวัดกำแพงเพชร ระยะทางประมาณ 15 กิโลเมตร เลี้ยวซ้ายตรงสามแยก เข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 1072 สายหนองเบน-ลาดยาว ประมาณ 1 กิโลเมตร เลี้ยวซ้ายตรงป้ายทางเข้าวัดถ้ำบ่อยา เป็นทางลูกรังรวมประมาณ 6 กิโลเมตร

อำเภอตาคลี
• เมืองโบราณจันเสน และ พิพิธภัณฑ์จันเสน ตั้งอยู่หมู่ที่ 2 ตำบลจันเสน สันนิษฐานว่าอยู่ในสมัยทวารวดี บริเวณเมืองโบราณมีคูเมืองเป็นเนินดินโดยรอบ เป็นรูปสี่เหลี่ยม แต่มุมทั้งสี่เป็นรูปมนจนเกือบเป็นวงกลม ล้อมรอบด้วยคูเมืองซึ่งกว้างประมาณ 20 เมตร ปัจจุบันยังมีสภาพเป็นที่ลุ่มน้ำขัง แต่ยังเป็นร่องรอยพอมองเห็นเค้าคูเมืองได้อย่างชัดเจน มีความยาวประมาณ 800 เมตร กว้าง 700 เมตร คิดเป็นเนื้อที่ประมาณ 300 ไร่เศษ เนื่องจากบริเวณภายในคูเมืองดังกล่าวมีลักษณะเป็นเนินสูงกว่าพื้นที่รอบนอกคูเมือง ชาวบ้านเรียกว่า “โคกจันเสน”
ในบริเวณเมืองโบราณได้ขุดพบโบราณวัตถุหลายอย่าง ประเภทที่ทำด้วยเศษดินเผา อาทิ พระพิมพ์ต่าง ๆ ตุ๊กตา ตะเกียง ประเภทที่ทำด้วยหิน ได้แก่ ฐานบัว ธรรมจักร ขวานหินขัดที่ทำด้วยโลหะ มีตุ้มหูทำด้วยตะกั่วหรือดีบุก ใบหอกที่ทำด้วยสำริด ปัจจุบันโบราณวัตถุดังกล่าวเก็บรักษาไว้ที่ พิพิธภัณฑ์จันเสน ซึ่งตั้งอยู่ในวัดจันเสน เปิดให้เข้าชมในวันเสาร์-อาทิตย์ ผู้ที่ต้องการเข้าชมในวันธรรมดา สามารถติดต่อทางวัดให้เปิดเข้าชมได้ มีเยาวชนอาสาสมัครจากโรงเรียนวัดจันเสน และโรงเรียนจันเสนเอ็งสุวรรณอนุสรณ์ บริการนำเที่ยวภายในบริเวณเมือง และนำชมภายในพิพิธภัณฑ์ด้วย สอบถามรายละเอียดโทร. 0 56339115-6
นอกจากนี้ในวัดยังมีการรวมกลุ่มของสตรีบ้านจันเสนเพื่อทอผ้าด้วยกี่กระตุก และจัดตั้งเป็นศูนย์จำหน่ายภายในวัดด้วย ผ้าทอส่วนใหญ่เป็นผ้าฝ้าย ผ้าทอมัดหมี่จันเสน และผ้ามัดย้อม
การเดินทางจากกรุงเทพฯ ใช้ทางหลวงหมายเลข 32 เลี้ยวซ้ายเข้าอินทร์บุรี (ทางหลวงหมายเลข 11) เลี้ยวขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 3196 เลี้ยวซ้ายตรงป้ายวัดจันเสนเข้าไปอีกประมาณ 1 กิโลเมตร ข้ามทางรถไฟแล้วเลี้ยวซ้ายเข้าวัดจันเสน
การเดินทางจากนครสวรรค์ ใช้ทางหลวงหมายเลข 32 มุ่งสู่จังหวัดชัยนาท ระยะทางประมาณ 52 กิโลเมตร เลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 1 มุ่งหน้าอำเภอตาคลี ระยะทางประมาณ 7 กิโลเมตร เลี้ยวขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 3196 ระยะทางประมาณ 28 กิโลเมตร เลี้ยวขวาก่อนข้ามทางรถไฟเข้าไปอีก 1 กิโลเมตร สู่วัดจันเสน

อำเภอตากฟ้า
• วัดถ้ำพรสวรรค์ ตั้งอยู่ที่ตำบลลำพยนต์ ถนนลาดยางห่างจากตัวจังหวัด 105 กิโลเมตร ห่างจากที่ว่าการอำเภอประมาณ 10 กิโลเมตร ตามทางหลวงหมายเลข 1 สายตากฟ้า-โคกสำโรง กิโลเมตรที่ 224 วัดอยู่ทางซ้ายมือ ข้างหลังวัดมีถ้ำพรสวรรค์ ภายในแบ่งออกเป็น 2 ตอน ตอนแรกเป็นห้องเล็ก ตอนที่สองเป็นห้องใหญ่ มีพระพุทธรูปและสิ่งก่อสร้างอยู่มาก มีน้ำตกจำลอง สระน้ำตรงกลางถ้ำ พื้นถ้ำเทคอนกรีตหมด บรรยากาศเย็นสบาย ไม่มีค้างคาวอาศัยอยู่ ภายในถ้ำติดตั้งระบบไฟฟ้า และประปา ด้านข้างปากทางเข้าถ้ำมีพระพุทธบาทเกือกแก้ว
• น้ำตกวังน้ำวิ่ง ตั้งอยู่ที่ตำบลลำพยนต์ ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ 100 กิโลเมตร ตามเส้นทางสายตากฟ้า-โคกสำโรง ก่อนถึงวัดถ้ำพรสวรรค์ประมาณ 2 กิโลเมตร เลี้ยวซ้ายจากถนนเข้าไปประมาณ 700 เมตร เป็นน้ำตกที่เกิดจากน้ำผุดไหลลดหลั่นกันอย่างสวยงาม ประมาณ 3 ชั้น มีน้ำตลอดทั้งปี บรรยากาศร่มรื่นเย็นสบาย ติดต่อข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ อำเภอตากฟ้า โทร. 0 5624 1820

อำเภอโกรกพระ
• เขาถ้ำพระ ตั้งอยู่ที่หมู่ 8 ตำบลเนินศาลา ภายในถ้ำมีหินงอก หินย้อย และพระพุทธรูป ในเทศกาลสงกรานต์ประชาชนในท้องถิ่นจะนำดอกไม้ธูปเทียนไปนมัสการเป็นจำนวนมาก จากเชิงเขามีบันไดคอนกรีตประมาณ 100 ขั้น ขึ้นสู่ปากถ้ำ เมื่อขึ้นไปบนยอดเขาสามารถมองเห็นภูมิประเทศที่สวยงามของอำเภอโกรกพระ
การเดินทาง ใช้ทางหลวงหมายเลข 3005 สายนครสวรรค์-อำเภอโกรกพระ ระยะทางประมาณ 16 กิโลเมตร เลี้ยวขวาไปตามทางสายโกรกพระ-ทัพทัน ระยะทางประมาณ 10 กิโลเมตร เลี้ยวซ้ายเข้าถ้ำพระ ประมาณ 4 กิโลเมตร เป็นถนนลูกรัง รวมระยะทางห่างจากตัวจังหวัดประมาณ 30 กิโลเมตร
• ตลาดน้ำวัดบางประมุง อยู่ริมฝั่งคลองบางประมุง บริเวณด้านหลังวัดบางประมุง ชาวบ้านจะพายเรือนำสินค้าและผลิตผลทางการเกษตรในพื้นที่มาจำหน่ายทุกวันเสาร์-อาทิตย์ ระหว่างเวลา 07.00-16.00 น. นอกจากนี้ยังมีบริการอื่น ๆ อีก อาทิ นวดแผนโบราณ การล่องเรือชมคลองบางประมุง ชมสวนกล้วย บริการเรือพาย จักรยานน้ำ ฯลฯ สามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่ ฝ่ายปกครอง ที่ว่าการอำเภอโกรกพระ โทร. 0 5629 1006
การเดินทาง ใช้ทางหลวงหมายเลข 3005 สายนครสวรรค์-โกรกพระ ระยะทางประมาณ9 กิโลเมตร เลี้ยวขวาไปประมาณ 7 กิโลเมตร ถึงวัดบางประมุง รวมระยะทางห่างจากตัวเมืองนครสวรรค์ประมาณ 20 กิโลเมตร
• วัดบางมะฝ่อ เป็นวัดเก่าแก่สร้างสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย จุดน่าสนใจอยู่ที่โบสถ์ มีประตูหน้าต่างรูปทวารบาล ด้านในมีรูปราชาธิปกที่ได้รับพระราชทานมา ฝาผนังด้านในเป็นภาพพุทธชาดก ในวิหารมีภาพพุทธประวัติเป็นฝีมือช่างเก่า พระประธานปางมารวิชัยมีความแปลกตรงที่มีตาลปัตรอยู่ด้วย และในวิหารมีรอยพระพุทธบาทที่งดงามมาก มีการจัดงานประจำปีของวัด ในวันแรม9 ค่ำ และ 10 ค่ำ เดือน 11 เป็นประจำทุกปี
การเดินทาง ใช้ทางหลวงหมายเลข 3005 สายนครสวรรค์-โกรกพระ ห่างจากตัวที่ว่าการอำเภอประมาณ 3 กิโลเมตร

อำเภอบรรพตพิสัย
• เขาหน่อ-เขาแก้ว อยู่ริมทางหลวงหมายเลข 1 สายพหลโยธิน นครสวรรค์-กำแพงเพชร ในท้องที่ตำบลบ้านแดน อำเภอบรรพตพิสัย ระยะทางจากตัวจังหวัดประมาณ 45 กิโลเมตร และห่างจากที่ว่าการอำเภอบรรพตพิสัยประมาณ 18 กิโลเมตร เขาหน่อเป็นเขาหินปูน มีวัดเขาหน่อตั้งอยู่เชิงเขา มีบันไดขึ้นสู่ยอดเขา เพื่อชมทิวทัศน์ บริเวณปากถ้ำทางขึ้นเขาประดิษฐานพระพุทธรูปนอนองค์ใหญ่ เมื่อครั้งพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 เสด็จประพาสทางชลมารคสายแม่น้ำปิง ได้ประทับแรมที่นี่ ต่อมาจังหวัดได้สร้างพระบรมรูปไว้เป็นอนุสรณ์ บริเวณเชิงเขามีฝูงลิงจำนวนมาก คอยรับอาหารจากนักท่องเที่ยวที่มาเยือน และเวลาเย็นฝูงค้างคาวที่อาศัยอยู่ตามถ้ำพากันบินออกหากิน ดูเป็นสายยาวสีดำอยู่บนท้องฟ้า ส่วนเขาแก้วอยู่ในบริเวณใกล้เคียงกัน ในเวลาเย็นจะมีฝูงค้างคาวออกหากินเช่นกัน

อำเภอพยุหะคีรี
• เมืองโบราณโคกไม้เดน อยู่ที่ตำบลท่าน้ำอ้อย พบซากกำแพงเนินดิน ซึ่งแสดงถึงความเป็นเมืองเก่าสมัยสุโขทัย เจ้าหน้าที่กรมศิลปากร ได้ขุดพบรูปปั้นช้างพญาฉัททันต์ อายุกว่า 1,000 ปี คำว่า "โคกไม้เดน" เป็นชื่อต้นไม้ชนิดหนึ่ง คนสมัยเก่าเรียกบ้านโคกไม้เดนว่า "เมืองบน" สร้างขึ้นในสมัยทวารวดี ระหว่างพุทธศตวรรษที่ 11-16 (พ.ศ. 1000-1500) ตัวเมืองบนมีลักษณะเป็นรูปรีคล้ายหอยสังข์ ขนาดยาวประมาณ 250 เมตร กว้าง 600 เมตร คล้ายกำแพงเมืองนครปฐม เมืองเสมาจังหวัดนครราชสีมา และเมืองพญาแร่จังหวัดชลบุรี

อำเภอไพศาลี
• เมืองเก่าเวสาลี จากการสำรวจของกรมศิลปากร เมื่อ พ.ศ.2511 พบว่าเป็นเมืองสี่เหลี่ยมผืนผ้า มุมมน มีกำแพงดิน 2 ชั้น มีคูเมืองคั่นกลาง ยาวประมาณ 700 เมตร กว้าง 500 เมตร สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในสมัยทวารวดี บริเวณที่ตั้งชุมชนเป็นที่ราบลุ่มมีทางน้ำไหลผ่าน จากการขุดแต่งใน พ.ศ.2539 พบว่า โบราณสถานซึ่งอยู่บริเวณด้านตะวันออกของเมืองเป็นศิลปะสมัยอยุธยาตอนปลาย ประกอบด้วยอุโบสถ มณฑป วิหาร เจดีย์ และผลจากการศึกษาหลักฐานชั้นดินทางโบราณคดี พบว่า ก่อนการสร้างโบราณสถาน กลุ่มเมืองเก่าเวสาลีแห่งนี้ ได้มีชุมชนตั้งหลักแหล่งอยู่ก่อนแล้ว เป็นชุมชนในสมัยก่อนประวัติศาสตร์ตอนปลาย ซึ่งได้มีการพัฒนาเข้าสู่การเป็นชุมชนคูน้ำคันดินในสมัยทวารวดี เมืองเวสาลีเคยเป็นเมืองหน้าด่านเล็ก ๆ ของกรุงละโว้ในดินแดนสุวรรณภูมิ ปรากฏหลักฐานซากวัตถุโบราณ เช่น พระปรางค์ หอสมุด และพระพุทธรูปฝีมือขอมโบราณ ราว พ.ศ.1100-1400 ขอมได้มีอำนาจเจริญรุ่งเรืองในแคว้นสุวรรณภูมิ ตลอดทั้งในแคว้นโคตรบูร แคว้นโยนก และแคว้นทวารวดี โดยมีกรุงละโว้เป็นราชธานี เมืองเวสาลีนี้ได้สร้างขึ้นในสมัยนั้น มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับกรุงสุโขทัย นครโยนก เมืองโอฆะบุรี และเมืองศรีเทพ โดยที่เมืองเหล่านี้ได้สร้างขึ้นไว้เพื่อเป็นเมืองหน้าด่านของกรุงละโว้ทั้งสิ้น ภายหลังเมืองเวสาลีตกอยู่ภายใต้การปกครองของกรุงสุโขทัย และได้ถูกปล่อยร้างมาราว 400 ปี จนถึง พ.ศ.2199 สมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช กษัตริย์ไทยรัชกาลที่ 28 แห่งกรุงศรีอยุธยา ได้ทรงบูรณปฏิสังขรณ์ เมืองละโว้ขึ้นเป็นราชธานีอีกแห่ง ให้ชื่อเมืองลพบุรี พระองค์ทรงดำริเห็นว่า หัวเมืองฝ่ายเหนือยังไม่สงบลงได้ง่าย เพราะมีพม่าคอยหนุนหลัง ประกอบเป็นที่ราบลุ่มทำนาข้าวได้ดี เหมาะแก่การที่จะตั้งกองรักษาด่านไว้เพื่อป้องกันข้าศึกทางฝ่ายล้านนา จึงได้บูรณะเมืองเวสาลีขึ้นใหม่
การเดินทาง จากทางหลวงหมายเลข 3330 จากอำเภอตากฟ้า เลี้ยวขวาระหว่างหลักกิโลเมตรที่ 27-28 ถนนบ้านหนองไผ่-บ้านโคกเจริญ ตรงหัวโค้งแรกจะมีทางตรงขึ้นไปประมาณ 1 กิโลเมตร เมืองเก่าเวสาลีอยู่ทางขวามือ
• รอยพระพุทธบาท มีลักษณะเป็นแผ่นหินชนวนสีเขียวแกะสลัก สันนิษฐานว่าสร้างในสมัยพระยาลิไท แห่งกรุงสุโขทัย จากเอกสารที่มีผู้บันทึกไว้ทำให้ทราบว่า รอยพระพุทธบาทนี้ได้อัญเชิญมาจากกรุงศรีอยุธยา ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช พร้อมกับผู้คนที่เกณฑ์มาสร้างเมืองเวสาลี โดยได้นำไปประดิษฐานไว้บนยอดเขา แล้วสร้างวิหารครอบภูเขาลูกนี้ คือที่ตั้งของวัดพระพุทธบาท ตำบลสำโรงชัย ในปัจจุบัน
พระครูนิมุตพัฒนาทร เจ้าอาวาสองค์ปัจจุบันได้ค้นพบรอยพระพุทธบาทบริเวณวัดอีกรอยหนึ่ง มีลักษณะเป็นรอยพระพุทธบาทประทับอยู่บนแผ่นหิน สร้างมณฑปครอบไว้ และบรรจุพระบรมสารีริกธาตุไว้ที่ส่วนยอด และมณฑปหลังนี้ยังได้รับรางวัลสถาปัตยกรรมดีเด่นเมื่อ พ.ศ.2537 จากสมาคมสถาปนิกสยาม และบริเวณทางเดินขึ้นไปนมัสการพระธาตุ สันนิษฐานว่าเป็นฐานเจดีย์เก่า
การเดินทาง ใช้เส้นทางเดียวกับเมืองเก่าตามถนนสายบ้านหนองไผ่-บ้านโคกเจริญ วัดพระพุทธบาทอยู่เลยจากทางแยกไปเมืองเก่าประมาณ 5 กิโลเมตร
• แหล่งโบราณคดีวัดโพธิ์ประสาท ตำบลโพธิ์ประสาท สำรวจขุดค้นโดยกรมศิลปากร ระหว่างพ.ศ.2519-2536 พบภาชนะเครื่องใช้ทั้งแบบโลหะและแบบดินเผาของคนโบราณ ซึ่งเป็นชุมชนในสมัยก่อนประวัติศาสตร์ตอนปลาย ที่ได้มีการพัฒนาเข้าสู่การเป็นชุมชนคูน้ำคันดินในสมัยทวารวดี เครื่องใช้โลหะที่ขุดพบมีอายุกว่า 2,000 ปี อาทิ ใบหอกโบราณ จัดเป็นศิลปะก่อนประวัติศาสตร์ ประเภทเครื่องใช้สอยดินเผา อาทิ หม้อดินเผา ตะคัน หรือตะเกียง ลูกแวดินเผา และประเภทเครื่องประดับ อาทิ กำไลเปลือกหอย จัดเป็นศิลปสมัยทวารวดี ประมาณพุทธศตวรรษที่ 12-16
การเดินทาง ใช้ทางหลวงหมายเลข 3330 หากมาจากอำเภอไพศาลี เลี้ยวขวาข้างตู้ยามบ้านโพธิ์ประสาท ระหว่างกิโลเมตรที่9-8
• ป่าไพศาลี บริเวณเทือกเขาสอยดาวในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาคอกป่าเขาโลมนาง และป่าเขาสอยดาว เนื้อที่ประมาณ 38,000 ไร่ สภาพภูมิประเทศ เป็นภูเขาสูงชัน มียอดสูงสุด สูง 558 เมตร เป็นพื้นที่เขตรอยต่อ 3 จังหวัด คือ นครสวรรค์ เพชรบูรณ์ และลพบุรี มีธรรมชาติที่สวยงาม มีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ได้แก่ น้ำตกซับสมบูรณ์ใน สวนรุกขชาติ 100 ปี และน้ำตกซับใหญ่ พิชิตยอดสอยดาว เขตบ้านเขาเขียว สภาพป่าที่นี่ประกอบด้วยป่าเบญจพรรณ ป่าเต็งรัง ป่าดงดิบแล้ง และป่าทุ่งหญ้า จึงมีความหลากหลายทางระบบนิเวศเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่านานาชนิด เหมาะแก่การศึกษาเรียนรู้ทางธรรมชาติที่สวยงาม อาทิ มีจุดชมวิวบนยอดเขาที่สามารถมองเห็นทัศนียภาพกว้างไกล มีจุดพักแรมบนยอดสอยดาวเพื่อชมพระอาทิตย์ขึ้นและตก ในฤดูหนาวอากาศหนาวเย็นมากจึงเหมาะกับนักท่องเที่ยวที่ต้องการความท้าทาย
มี เส้นทางเดินป่าศึกษาธรรมชาติ จากน้ำตกซับสมบูรณ์ถึงน้ำตกซับใหญ่ เป็นการท่องเที่ยวเชิงนิเวศที่มุ่งเน้นให้นักท่องเที่ยวได้เกิดการเรียนรู้ และได้รับประสบการณ์ที่หลากหลาย อีกทั้งยังได้ชื่นชมกับความสวยงามของธรรมชาติ โดยมีระยะทางในการเดินป่า 7-15 กิโลเมตรใช้เวลาท่องเที่ยว 1-3 วัน ขึ้นอยู่กับความประสงค์ของนักท่องเที่ยว ฤดูกาลท่องเที่ยวที่เหมาะสมคือ เดือนกรกฎาคม-ธันวาคมของทุกปี สนใจติดต่อสวนรุกขชาติ 100 ปี หมู่ 6 ตำบลวังข่อย อำเภอไพศาลี
• พุทธศาสนสถานหลวงพ่อดำ หลวงพ่อดำ ประดิษฐานอยู่ที่วัดสระทะเล ตำบลโคกเดื่อ กรมศิลปากรสันนิษฐานว่าสร้างในสมัยกรุงสุโขทัยมีอายุประมาณ 700 ปีเศษ แต่เดิมชาวบ้านพบพระพุทธรูปอยู่กลางป่าสามองค์ ปัจจุบันเหลือเพียงองค์เดียว เรียกขานตามกันว่า หลวงพ่อดำ วัดสระทะเล
การเดินทาง ใช้ทางหลวงหมายเลข 11 จากอำเภอหนองบัวเลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 3004 ตรงมาประมาณ 8 กิโลเมตร เลี้ยวซ้ายเข้าทางวัดโคกเดื่อประมาณ 2 กิโลเมตร
หมายเหตุ สามารถสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับแหล่งท่องเที่ยวในอำเภอไพศาลี ได้ที่ศูนย์ข้อมูลท่องเที่ยว ฝ่ายปกครองอำเภอไพศาลี โทร. 0 56259272

อำเภอแม่วงก์
• อุทยานแห่งชาติแม่วงก์ มีพื้นที่ครอบคลุม 2 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดกำแพงเพชร และจังหวัดนครสวรรค์ เป็นหนึ่งในผืนป่าตะวันตกที่มีพื้นที่ป่าสมบูรณ์มากที่สุดตั้งแต่จังหวัดตากจนถึงจังหวัดกาญจนบุรี มีเนื้อที่ประมาณ 558,750 ไร่ ทิศเหนือติดต่อกับอุทยานแห่งชาติคลองลาน จังหวัดกำแพงเพชร ทิศใต้ติดต่อกับเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง จังหวัดอุทัยธานี และทิศตะวันตกติดต่อกับเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผาง จังหวัดตาก ได้รับการประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติ เมื่อวันที่ 14 กันยายน 2530
ป่าส่วนใหญ่ของอุทยานฯ ประกอบด้วยป่าเบญจพรรณ ป่าดงดิบ และป่าเต็งรัง มีพันธุ์ไม้ที่สำคัญและมีค่ามากมาย เช่น สัก ประดู่ มะค่าโมง ยางแดง เต็ง รัง เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีสัตว์ป่าหายาก เช่น ช้างป่า กระทิง เสือ กวาง เก้ง หมี แมวลาย และนกต่าง ๆ มากกว่า 305 ชนิด จาก 53 วงศ์ ซึ่งนกบางชนิดพบเพียงไม่กี่แห่งในประเทศไทย เช่น นกกระเต็นขาวดำใหญ่ นกเงือกคอแดง นกกางเขนดง นกโพระดกหูเขียว นกพญาปากกว้างหางยาว เป็นต้น ช่วงที่เหมาะแก่การท่องเที่ยวมากที่สุดคือฤดูหนาว ระหว่างเดือนพฤศจิกายน-กุมภาพันธ์
ยอดเขาที่สูงที่สุด คือ ยอดเขาโมโกจู ซึ่งยังเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในผืนป่าตะวันตกด้วย ห่างจากที่ทำการประมาณ 38 กิโลเมตร เป็นยอดเขาที่นักนิยมการท่องเที่ยวแบบเดินป่า ปีนเขา ต้องการที่จะไปเยือนสักครั้ง ด้วยความสูง 1,964 เมตร คำว่า “โมโกจู” เป็นภาษากะเหรี่ยง แปลว่า เหมือนฝนจะตก เนื่องจากบนยอดเขามักถูกปกคลุมด้วยเมฆหมอก และมีอากาศหนาวเย็นตลอดเวลา ผู้สนใจไปสัมผัสยอดเขาโมโกจู ต้องเตรียมความพร้อมของร่างกายเพราะต้องขึ้นเขาที่มีความลาดชันไม่ต่ำกว่า 60 องศา ใช้เวลาในการเดินทางไป-กลับ 5 วัน และต้องพักแรมในป่าตามจุดที่กำหนด นอกจากนั้นควรศึกษาสภาพเส้นทาง สภาพอากาศ และติดต่อเจ้าหน้าที่นำทางก่อนตัดสินใจจะไปสัมผัส “โมโกจู” อุทยานฯ เปิดให้เดินขึ้นยอดเขาโมโกจู ระหว่างเดือนพฤศจิกายน-กุมภาพันธ์
สถานที่ท่องเที่ยวในเขตอุทยานฯ มีอยู่หลายแห่ง ส่วนใหญ่จะอยู่ในพื้นที่จังหวัดกำแพงเพชร บริเวณที่ทำการอุทยานฯ ได้แก่ ช่องเย็น ซึ่งมีอากาศหนาวเย็นทั้งปี และยังเป็นจุดดูนกที่สำคัญอีกแห่งหนึ่ง พบนกหายาก เช่น นกเงือกคอแดง นกภูหงอนพม่า นกพญาปากกว้างหางยาว นกหัวขวานใหญ่หงอนเหลือง เป็นต้น แก่งผานางคอย น้ำตกนางนวล แก่งลานนกยูง บ่อน้ำอุ่น และ จุดชมวิว เป็นต้น สถานที่ท่องเที่ยวที่อยู่ในพื้นที่จังหวัดนครสวรรค์ ได้แก่
• น้ำตกแม่เรวา (น้ำตกแม่ลีวา) มีความสูงประมาณ 200 เมตร เป็นน้ำตกขนาดใหญ่มี 5 ชั้น น้ำไหลเกือบตลอดปี ใช้เวลาเดินทางประมาณ 10 ชั่วโมง
• น้ำตกแม่กระสา เป็นน้ำตกขนาดใหญ่มี9 ชั้น ความสูง900 เมตร เกิดจากธารน้ำที่ไหลมาจากพื้นที่ป่าตอนบนของแนวเทือกเขาถนนธงชัยมาบรรจบกัน อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ ประมาณ 30 กิโลเมตร การเดินทาง ต้องเดินเท้าเข้าไปใช้ระยะเวลาเดินทางไป-กลับประมาณ 3-4 วัน
• น้ำตกแม่กี เป็นน้ำตกที่ตั้งอยู่บริเวณเดียวกับน้ำตกแม่เรวา และน้ำตกแม่กระสา มีต้นกำเนิดจากเทือกเขาถนนธงชัย การเข้าไปยังน้ำตกต้องเดินเท้าไปกลับประมาณ 3-4 วัน
หมายเหตุ การเดินทางไปยังน้ำตกแต่ละแห่งต้องติดต่อเจ้าหน้าที่นำทางจากอุทยานฯ ก่อนทุกครั้ง
• ล่องแก่งแม่วงก์ ความยากระดับ 2-3 ที่หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติแม่วงก์ ที่ มว.4 (แม่เรวา) ล่องตามลำน้ำแม่วงก์ซึ่งคดโค้งสวยงามมาก สิ้นสุดที่แก่งลานนกยูงบริเวณหน่วยพิทักษ์ฯ ระยะทางประมาณ 7 กิโลเมตร ใช้เวลาล่อง 1.30 ชั่วโมง หน่วยพิทักษ์ฯ มีบ้านพักและสถานที่กางเต็นท์ไว้บริการ สอบถามรายละเอียดได้ที่หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติแม่วงก์ ที่ มว.4 (แม่เรวา) โทร. 0 56239604
ที่พักและสิ่งอำนวยความสะดวก มีบริการที่พักบริเวณที่ทำการอุทยานฯ สอบถามรายละเอียดได้ที่อุทยานแห่งชาติแม่วงก์ ถนนคลองลาน-อุ้มผาง กิโลเมตรที่ 65 อำเภอคลองลาน จังหวัดกำแพงเพชร โทร. 0 56719010-1 หรือ ที่กรมอุทยานแห่งชาติฯ โทร. 0 2562 0760 หรือ www.dnp.go.th
• การเดินทาง ใช้ได้สองเส้นทาง ได้แก่
1) จากนครสวรรค์ ใช้ทางหลวงหมายเลข 1072 สายนครสวรรค์-ลาดยาว-คลองลาน แล้วเข้าสู่ที่ทำการอุทยานฯ ตามทางหลวงหมายเลข 1117 สายคลองลาน-อุ้มผาง กิโลเมตรที่ 65
2) สายกรุงเทพฯ – นครสวรรค์ – โค้งวิไล – คลองลาน – เข้าสู่อุทยานฯ ตามทางหลวงหมายเลข 1117 สายคลองลาน – อุ้มผาง รวมระยะทางจากกรุงเทพฯ ถึงอุทยานแห่งชาติแม่วงก์ ประมาณ 386 กิโลเมตร
ทุ่งหินเทิน ตั้งอยู่ที่ วัดทุ่งหินเทิน หมู่ที่ 5 ตำบลปางสวรรค์ ลักษณะเป็นกลุ่มก้อนหินขนาดใหญ่ ตั้งซ้อนกันเป็นกลุ่ม ๆ กระจัดกระจายอยู่ทั่วบริเวณ บางก้อนมีลักษณะพิเศษ ด้วยการตั้งซ้อนกันเพียงเล็กน้อย นับเป็นสวนหินธรรมชาติที่สวยงามแปลกตา
การเดินทาง จากนครสวรรค์ ใช้ทางหลวงหมายเลข 3504 มีทางเข้าวัดอยู่ด้านซ้ายมือระหว่างกิโลเมตรที่ 24-25

อำเภอแม่เปิน
• กลุ่มทอผ้าบ้านท่ามะกรูด บ้านท่ามะกรูด ตั้งอยู่ในพื้นที่อำเภอแม่เปิน มีการทอผ้าฝ้ายมัดย้อมสีธรรมชาติอย่างสวยงาม โดยจัดทำเป็นกลุ่มแม่บ้าน ตลอดจนตัดเย็บเป็นสินค้า เช่น ผ้าเช็ดหน้า กระเป๋า ผ้าขาวม้า เสื้อผ้าสำเร็จรูป ฯลฯ การเดินทาง ห่างจากอำเภอแม่เปินประมาณ 8 กิโลเมตร ใช้เส้นทางสายลาดยาว-แม่เปิน จากนั้นแยกขวาทางไปวัดแม่กะสี อยู่ห่างจากตัวเมืองนครสวรรค์ประมาณ 83 กิโลเมตร หรือโดยสารรถสองแถวสีฟ้าสายลาดยาว-ถนนสุด

Source : tourismthailand.org