สถานที่ท่องเที่ยวในสมุทรปราการ

สถานที่ท่องเที่ยวสมุทรปราการ

ข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยวสมุทรปราการ

พิพิธภัณฑ์ทหารเรือ อยู่ตรงข้ามกับโรงเรียนนายเรือ ที่บางนางเก็ง ปากน้ำสมุทรปราการ ถนนสุขุมวิท จากแยกบางนาไปสำโรงประมาณ 10 กิโลเมตร ภายในพิพิธภัณฑ์เป็นที่รวมข้อมูลทางประวัติศาสตร์เกี่ยวกับกองทัพเรือไทยและยุทธนาวีครั้งสำคัญ ๆ นอกจากนั้น ยังมีเรือจำลองสมัยต่าง ๆ เช่น เรือที่ใช้ในพระราชพิธีกระบวนเรือพยุห-ยาตราชลมารค ใน รัชกาลที่ 5 เรือรบหลวงพระร่วง เรือเหรา เรือหลวงมัจฉานุซึ่งเป็นเรือดำน้ำลำแรกของกองทัพเรือไทย เปิดให้เข้าชมในวันราชการตั้งแต่เวลา O9.OO-16.OO น. ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 394-1997, 465-5087
เมืองโบราณ เป็นพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีพื้นที่ประมาณ 500 ไร่ เริ่มก่อสร้างเมื่อปลายปี 2506 ตั้งอยู่ในเขตตำบลบางปูใหม่ บริเวณหลักกิโลเมตรที่ 33.5 ถนนสุขุมวิท (สายเก่า) ห่างจากตัวจังหวัด 8 กิโลเมตร เป็นศูนย์รวมปูชนียสถานที่สำคัญ ๆ ของแต่ละจังหวัด เช่น เขาพระวิหาร ปราสาทหินพนมรุ้ง วัดมหาธาตุสุโขทัย พระพุทธบาทสระบุรี พระธาตุเมืองนคร พระธาตุไชยา ฯลฯ โดยสร้างให้มีขนาดเล็กลง บางแห่งเท่าแบบจริงการสร้าง ฝีมือประณีต นอกจากนั้นยังเป็นแหล่งรวบรวมศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้านที่นับวันจะสูญหายไปจากสังคมยุคใหม่ ผู้ที่ต้องการศึกษาค้นคว้าเรื่องราวของประเทศไทยจะศึกษาได้จากเมืองโบราณแห่งนี้
การเดินทาง โดยรถส่วนตัว ใช้ถนนสายสำโรง-สมุทรปราการ ถึงสามแยกสมุทรปราการให้เลี้ยวซ้ายไปตามถนนสุขุมวิท สายเก่า (ไปทางบางปู) ประมาณกิโลเมตรที่ 33ห่างจากปากทาง ประมาณ 8 กิโลเมตร เมืองโบราณจะอยู่ทางด้านซ้ายมือและโดยรถโดยสารประจำทางปรับอากาศ สาย ปอ. 11 (ปิ่นเกล้า-ปากน้ำ) ไปลงปลายทาง แล้วต่อรถเมล์เล็กสาย 36 ผ่านเมืองโบราณ เมืองโบราณเปิดให้เข้าชมทุกวัน ไม่เว้นวันหยุดราชการ ตั้งแต่เวลา 08.00-17.00 น. อัตราค่าบัตรผ่านประตูผู้ใหญ่ ราคา 50 บาท เด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี ราคา 25 บาท อายุต่ำกว่า 5 ปี ไม่เสียค่าเข้าชม ค่านำรถผ่านเข้าชมคันละ 50 บาท รถตู้ 100 บาท รถบัส 200 บาท ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ บริษัทเมืองโบราณ จำกัด ตำบลบางปู กิโลเมตร ที่ 33.5 โทร. 323-9253 สำนักงานกรุงเทพฯ มุมอนุสาวรีย์ ประชาธิปไตย ถนนราชดำเนินกลาง โทร. 224-1057, 226-1936-7
ฟาร์มจระเข้และสวนสัตว์สมุทรปราการ ตั้งขึ้นเป็นแห่งแรกของประเทศไทยเมื่อ พ.ศ. 2493 ปัจจุบันเป็นฟาร์มจระเข้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก อยู่ในเขตตำบลท้ายบ้าน ซึ่งห่างจากตัวเมืองประมาณ 3 กิโลเมตร ภายในเป็นสถานเพาะเลี้ยงจระเข้ขนาดต่าง ๆ กว่า 40,000 ตัว มีการแสดงวิธีจับจระเข้ด้วยมือเปล่าทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00-17.00 น. ทุก ๆ 1 ชั่วโมง พักเที่ยง วันหยุดเพิ่มรอบ 12.00 น. และ 17.00 น. เวลาการให้อาหารจระเข้ 16.30-17.30 น. ในส่วนการแสดงของช้างแสนรู้เป็นอีกกิจกรรมหนึ่งที่ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวเป็นอันมาก มีการแสดงทุก 1 ชั่วโมง เริ่มตั้งแต่เวลา 09.30-16.30 น. ทุกวัน นอกจากการเลี้ยงจระเข้แล้ว ภายในฟาร์มยังมีสัตว์แสนรู้อื่น ๆ อีก เช่น เสือ และลิงชิมแปนซี สัตว์ประเภทอื่น ๆ เช่น ชะนี เต่า งูเหลือม งูหลาม นก อูฐ ฮิปโป และปลาจำนวนมาก นอกจากนี้ยังสามารถเข้าชม พิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ ได้จัดแสดงกระดูกและหุ่นจำลองไดโนเสาร์ขนาดเท่าตัวจริงกว่า 13 ชนิด พร้อมการฉายสไลด์มัลติวิชั่น เรื่องของมนุษย์และสัตว์ดึกดำบรรพ์ด้วย ฟาร์มจระเข้และสวนสัตว์สมุทรปราการแห่งนี้เปิดให้เข้าชม ทุกวันตั้งแต่เวลา 07.00-18.00 น. ค่าบัตรผ่านประตู ผู้ใหญ่คนละ 50 บาท เด็ก 30 บาท ชาวต่างประเทศคนละ 300 บาท การเข้าชมเป็นหมู่คณะหรือสถาบันการศึกษาที่ต้องการวิทยากร ควรมีหนังสือติดต่อล่วงหน้าไปที่ ฟาร์มจระเข้และ สวนสัตว์สมุทรปราการ 555 ถนนท้ายบ้าน อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ 10280 หรือ โทร. 703-4891 และ 703-514, 703-5144-8
การเดินทาง ไปยังฟาร์มฯ นอกจากรถส่วนตัวแล้ว สามารถใช้บริการรถเมล์ ขสมก. สาย ปอ. 7, ปอ. 8 และ ปอ. 11 ซึ่งจะสุดสายพอดี หรือรถเมล์ธรรมดาสาย 25 และ 102 ไปยังจังหวัดสมุทรปราการแล้วต่อรถสองแถวสาย S. 1 และ S. 80
วัดกลางวรวิหาร ตั้งอยู่ที่ตำบลปากน้ำ ปัจจุบันเป็นพระอารามหลวงชั้นโท เป็นวัดสมัยอยุธยา ตอนปลาย เดิมชื่อ วัดตะโกทอง มีพระอุโบสถได้รับการปฏิสังขรณ์ในสมัยรัชกาลที่ 3 หน้าบันมีลายปูนปั้นประดับเครื่องลายคราม ภายในมีจิตรกรรมฝาผนังปฐมสมโพธิกถา ต่อมามีการสร้างพระมณฑปประดิษฐานพระพุทธบาท 4 รอย นอกจากนี้ยังมีศาลาการเปรียญ เป็นเรือนไทยหมู่ไม้สักทั้งหลัง หน้าบันมีลวดลายไม้สลักละเอียดอ่อนสวยงามควรค่าแก่การอนุรักษ์อย่างยิ่ง
วัดอโศการาม อยู่ริมถนนสุขุมวิท ตำบลท้ายบ้าน ซอยสุขาภิบาล 58 ห่างจากตัวเมือง 6 กิโลเมตร มีทางแยกขวามือเข้าสู่วัดตรงสถานพักฟื้นสวางคนิวาส วัดนี้เป็นวัดใหม่ สร้างเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2505 ฝ่ายธรรมยุตินิกาย สร้างขึ้นโดยพระสุทธิธรรมรังสีคัมภีร์เมธาจารย์ (พระอาจารย์ลี ธมฺมธโร) เป็นวัดสำคัญวัดหนึ่ง และเป็นสถานที่สำหรับวิปัสสนากรรมฐาน มีสิ่งที่น่าชม เช่น พระธุตังคเจดีย์ เป็นพระเจดีย์หมู่รวม 13 องค์ เป็นที่ระลึกถึงธุดงควัตร 13 ประการ และวิหารวิสุทธิธรรมรังสี เป็นที่ประดิษฐานสรีระท่านอาจารย์ลี

อุทยานประวัติศาสตร์ทหารเรือป้อมพระจุลจอมเกล้าฯ ตั้งอยู่บริเวณริมปากแม่น้ำเจ้าพระยา ตำบลแหลมฟ้าผ่า อยู่ห่างจากแยกพระสมุทรเจดีย์ ไปตามถนนสุขสวัสดิ์ ภายในบริเวณป้อมพระจุลจอมเกล้า เป็นที่ตั้งพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ประทับยืนเด่นเป็นสง่า อยู่บริเวณหน้าป้อมปืน ป้อมประจุลฯ เป็นป้อมที่ทันสมัย และมีบทบาทสำคัญยิ่งในการปกป้องอธิปไตยของชาติ ซึ่งเป็นที่ทำการยิงต่อสู้กับอริราชศัตรูมาแล้วครั้งหนึ่ง เมื่อ ร.ศ. 112 (พ.ศ. 2436) เป็นป้อมที่จารึกอยู่ในความทรงจำของคนไทยและประวัติศาสตร์ชาติไทยมายาวนาน เพราะในสมัยนั้น พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงเห็นว่า ประเทศอังกฤษและฝรั่งเศสกำลังแสวงหาเมืองขึ้น บรรดาประเทศต่าง ๆ ที่อยู่ติดเขตแดนไทย ก็ถูกประเทศทั้งสองเข้าครอบครองไปหมดแล้ว นับเป็นภัยใหญ่หลวงสำหรับประเทศเล็ก ๆ อย่างประเทศไทย พระองค์จึงทรงหาวิธีป้องกันต่าง ๆ โดยเฉพาะในเรื่องการป้องกันทางน้ำ ทรงดำริให้ปรับปรุงป้อมต่าง ๆ ทางปากน้ำ โดยจ้างชาวต่างประเทศที่ชำนาญการทหารเรือเป็นที่ปรึกษาวางแผนในการปรับปรุงกิจการทหารเรือในครั้งนั้นด้วย ส่วนด้านล่างเป็นที่ตั้งป้อมปืนเสือหมอบ (ปืนอัตโนมัติ) ซึ่งเป็นอาวุธที่ใช้ยิงต่อสู้กับข้าศึก และ อาคารนิทรรศการ จัดแสดงภาพแสดงความเสียหายจากการรบ ภาพสู่การพัฒนากองทัพเรือ พิพิธภัณฑ์เรือรบหลวงแม่กลอง เป็นเรือรบประจำการมีอายุการใช้งานนานที่สุดในกองทัพเรือเป็นเวลา 60 กว่าปี จนกระทั่งกระทรวงกลาโหมได้พิจารณาเห็นว่ามีสภาพทรุดโทรมมากจึงปลดประจำการเพื่ออนุรักษ์เป็นพิพิธภัณฑ์ นอกจากนั้นยังมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติในเชิงอนุรักษ์ที่นักท่องเที่ยวสามารถชมป่าชายเลนซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของนกกระยาง นกนางนวล ปลาตีน ปูลม หรือปูกล้าดาบ และมีสวนหหย่อมประดับตกแต่งด้วยพันธุ์ไม้ป่าชายเลน เป็นต้น การเดินทาง สามารถใช้เส้นทางได้หลายเส้นทาง ได้แก่ รถยนต์ส่วนตัว สามารถใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 303 ประมาณ 7 กิโลเมตร รถโดยสารประจำทาง สามารถเดินทางโดยใช้รถโดยสารประจำทางสาย 20, มีรถสองแถวออกจากพระสมุทรเจดีย์มาจอดที่บริเวณหน้าป้อมประจุล และรถโดยสาร MICRO BUS สายบางประกอก มาจอดภายในบริเวณป้อมพระจุลฯ
ป้อมพระจุลฯ เปิดให้เข้าชมได้ทุกวัน ตั้งแต่เวลาประมาณ 08.00-18.00 น. โดยไม่เสียค่าเข้าชมแต่อย่างใด ผู้เข้าชมต้องขออนุญาตจากกองรักษาการณ์บริเวณหน้าประตูป้อมฯ และแลกบัตรประจำตัวไว้ หากต้องการเข้าชมเป็นหมู่คณะและต้องการวิทยากรนำชมสถานที่ต้องทำหนังสือถึงพิพิธภัณฑ์เรือหลวงแม่กลอง ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 475-6109, 475-6259 และ 475-6357
พระสมุทรเจดีย์ อยู่ที่ตำบลปากคลองบางปลากด ริมแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งตรงกันข้ามกับศาลากลางจังหวัด แต่เดิมพระเจดีย์นี้ตั้งอยู่บนเกาะกลางปากแม่น้ำเจ้าพระยา ท้ายป้อมผีเสื้อสมุทร ต่อมาชายตลิ่งฝั่งขวาของแม่น้ำตื้นเขินงอกออกมาเชื่อมติดกับเกาะอันเป็นที่ตั้งพระเจดีย์ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ทรงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างแต่ยังไม่ทันเสร็จก็สิ้นรัชกาล พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างต่อเป็นพระเจดีย์สูง 20 เมตร ต่อมาในรัชกาลที่ 4 ทรงโปรดเกล้าฯ ให้เปลี่ยนรูปทรงพระเจดีย์แล้วก่อให้สูงขึ้นอีกเป็น 38 เมตร ภายในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ พระชัยวัฒน์และพระห้ามสมุทรไว้

อำเภอพระประแดง
ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง อยู่ที่ตำบลตลาด สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2356 เป็นหลักเมืองเก่าของอำเภอพระประแดง ในสมัยเมื่ออำเภอนี้มีฐานะเป็นเมือง เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งหนึ่งซึ่งชาวเมืองเคารพนับถือมาก
ศาลพระเสื้อเมือง อยู่ที่ตำบลตลาด สร้างขึ้นพร้อมกับเมืองพระประแดง ชาวบ้านนับถือเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์เคารพบูชากันมาก
ป้อมแผลงไฟฟ้า ตั้งอยู่ที่ตำบลตลาด ยังมีสภาพสมบูรณ์อยู่บางส่วน เป็นป้อมปราการแห่งหนึ่งของฐานทัพเมืองนครเขื่อนขันธ์ เป็นเสมือนหนึ่งฐานทัพด้านปากแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นเมืองที่มีป้อมปราการหลายแห่ง เนื่องด้วย พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช (รัชกาลที่ 1) มีพระราชดำริที่จะใช้ป้องกันพระราชอาณาจักร ปัจจุบันเทศบาลเมืองพระประแดงได้ทำการบูรณะเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจของประชาชน โดยบริเวณข้างบนของป้อมได้จัดปืนใหญ่โบราณหลายกระบอกตั้งไว้ให้ชมรอบ ๆ บริเวณจัดปลูกต้นไม้ร่มรื่น
วัดไพชยนต์พลเสพย์ราชวรวิหาร ตั้งอยู่ที่ตำบลบางผึ้ง เป็นพระอารามหลวงชั้นโท กรมพระราชวังบวรมหาศักดิพลเสพย์ ทรงสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 2 มีพระอุโบสถและพระวิหารที่งดงาม ในพระอุโบสถมีพระประธานปูนปั้นปิดทองปางมารวิชัย อยู่บนบุษบกยอดปรางค์จตุรมุข
วัดทรงธรรมวรวิหาร ตั้งอยู่ที่อำเภอพระประแดง เป็นวัดเก่าแก่ในพุทธศาสนารามัญนิกาย สร้างขึ้นพร้อมกับเมืองนครเขื่อนขันธ์ ในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ปัจจุบันเป็นพระอารามหลวงชั้นโท มีพระรามัญเจดีย์องค์ใหญ่ ศิลปะรามัญ พระวิหารก่ออิฐถือปูน มีช่อฟ้าใบระกาทำด้วยไม้สัก ภายในประดิษฐานพระพุทธบาทจำลอง
วัดโปรดเกศเชษฐาราม อยู่ที่ตำบลทรงคะนอง เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี เป็นวัดพุทธไทยเพียงวัดเดียวในย่านพระประแดง ส่วนวัดอื่น ๆ มักเป็นพุทธรามัญ พระยาเพชรพิชัย สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 2 มีลักษณะสถาปัตยกรรมดีเด่นคือ พระอุโบสถมุงหลังคาด้วยกระเบื้องมอญเก่า ไม่มีช่อฟ้าใบระกา หน้าบันมีศิลปะปูนปั้นลายเครือเถาประดับเครื่องลายคราม ภายในมีพระประธานหล่อด้วยโลหะ เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย พระวิหารมีลักษณะสถาปัตยกรรมเช่นเดียวกับพระอุโบสถ ภายในมีพระพุทธไสยาสน์พระพักตร์งามมาก เหนือหน้าต่างมีภาพปริศนาธรรม เป็นศิลปะตะวันตกซึ่งหาดูได้ยาก นอกจากนี้ยังมีพระมณฑปหลังคามุงด้วยกระเบื้องรายรอบด้วยเก๋งจีน ประดิษฐานพระพุทธรูปปางต่าง ๆ มีพระปรางค์ที่มุมทั้ง 4 ด้าน ภายในพระมณฑปมีพระพุทธรูปและรอยพระพุทธบาทจำลองประดับมุข

อำเภอบางพลี
หนองงูเห่าฟาร์ม อยู่ที่ตำบลบางโฉลง ถนนบางนา-ตราด ประมาณกิโลเมตรที่ 14-15 แยกเข้าทางซ้ายไปอีก 1.5 กิโลเมตร ทางเข้าซอยวิทยาลัยเกริก เริ่มเปิดดำเนินการในปี 2529 มีเนื้อที่ประมาณ 10 ไร่ เป็นสถานที่เพาะเลี้ยงงูเห่าชนิดต่าง ๆ และมีการแสดงวิธีรีดพิษงู การจับงู พร้อมทั้งมีผลิตภัณฑ์ทำด้วยหนังงูจำหน่ายในราคาย่อมเยา เช่น รองเท้า กระเป๋า เข็มขัด ฯลฯ เปิดให้เข้าชม 09.00-17.30 น. ปกติจะอนุญาตให้เข้าชมเฉพาะบริษัทนำเที่ยวที่มีการติดต่อกันไว้แล้วเท่านั้น หากบุคคลทั่วไปสนใจจะเข้าชมต้องทำหนังสือติดต่อขออนุญาตล่วงหน้าไปที่ หนองงูเห่าฟาร์ม 23/2 หมู่ 6 กิโลเมตรที่ 15 บางนา-ตราด ตำบลบางโฉลง อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ 10540 โทร. 3125990
วัดบางพลีใหญ่ ตั้งอยู่ริมคลองสำโรง ที่ตำบลบางพลีใหญ่ ห่างจากประตูน้ำสำโรงไปประมาณ 13 กิโลเมตร เดิมชื่อวัดพลับพลาไชยชนะสงคราม สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์ในชัยชนะของพระองค์ ต่อมาได้อัญเชิญพระพุทธรูปองค์ใหญ่ สมัยสุโขทัยปางมารวิชัยลืมเนตร หน้าตักกว้าง 3 ศอก 1 คืบ เนื้อเป็นทองสัมฤทธิ์ เป็นที่เลื่อมใสของประชาชนโดยทั่วไปนาม หลวงพ่อโต วัดนี้จึงมีชื่อว่า วัดหลวงพ่อโต ชาวบางพลีได้อัญเชิญหลวงพ่อโตจำลองลงเรือ ในพิธีโยนบัวหรือรับบัวทุกปี ในวันขึ้น 14 ค่ำ เดือน 11
สถานตากอากาศบางปู อยู่ในเขตตำบลบางปูใหม่ ริมถนนสุขุมวิท ประมาณกิโลเมตรที่ 37 ตรงข้ามกับนิคมอุตสาหกรรมบางปู เป็นสถานตากอากาศที่มีชื่อเสียงมาเป็นเวลานานและเป็นสถานพักฟื้น พักผ่อน ของกรมพลาธิการทหารบก ภายในมีสวนไม้ดอกไม้ประดับ ร้านอาหาร บ้านพักไว้บริการนักท่องเที่ยว และในช่วงประมาณเดือนพฤศจิกายนถึงปลายเดือนกรกฎาคม จะมีนกนางนวลอพยพมาหากินอยู่ตามชายทะเล ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 323-9138 และ 3239983
บึงตะโก้ เป็นบึงที่นักท่องเที่ยวนิยมเล่นกีฬาทางน้ำ ได้แก่ เคเบิ้ลสกีและวินด์เซิร์ฟ อัตราค่าเช่าชั่วโมงละ 200 บาท เปิดบริการทุกวัน การเดินทาง จากทางด่วนสายบางนา-ตราด ให้ตรงไปประมาณกิโลเมตรที่ 13 ปากทางเข้าบึงตะโก้จะอยู่ทางด้านขวามือติดกับ บริษัท มิตซูบิชิ จำกัด ทางเข้าวัดหลวงพ่อโต ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 316-7809-1

Source : tourismthailand.org