สถานที่ท่องเที่ยวในสุราษฎร์ธานี

สถานที่ท่องเที่ยวสุราษฎร์ธานี

ข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยวสุราษฎร์ธานี

อำเภอเมือง
สถานีพัฒนาและส่งเสริมอนุรักษ์สัตว์ป่าเขาท่าเพชร ห่างจากตัวเมือง 6 กิโลเมตร ใช้เส้นทางสายสุราษฎร์ธานี-บ้านนาสาร จากถนนใหญ่มีทางแยกด้านซ้ายมือ สู่ที่ทำการอีก 1.5 กิโลเมตร สถานีพัฒนาฯ มีเนื้อที่ 2,906 ไร่ สูงจากระดับน้ำทะเล 210 เมตร
ประกาศเป็นป่าสงวนแห่งชาติ เมื่อ พ.ศ.2508 โดยใช้ชื่อวนอุทยานเขาท่าเพชร ต่อมากองอนุรักษ์สัตว์ป่าได้ประกาศจัดตั้งเป็นศูนย์ศึกษาธรรมชาติและสัตว์ป่า เมื่อ พ.ศ.2519 ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น สถานีพัฒนาและส่งเสริมการอนุรักษ์สัตว์ป่าเขาท่าเพชร ภายในสถานีพัฒนาฯ เป็นป่าแบบป่าดิบแล้ง ป่าเบญจพรรณ มีไม้ตะเคียนทราย ไม้คอแลน กระบก หวายแดง รอบบริเวณร่มรื่นด้วยต้นไม้ใหญ่มากมาย และยังสามารถพบสัตว์ที่อาศัยอยู่ในสถานี อาทิ กระจง หมูป่า นกปรอด นกกระจิบกินปลี นกกระจิบเล็ก บนยอดเขาสามารถชมทิวทัศน์รอบตัวเมืองสุราษฎร์ได้โดยรอบ และเป็นที่ตั้งของ พระธาตุศรีสุราษฎร์ในพระบรมราชูปถัมภ์ สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2500 นับเป็นปูชนียสถานองค์แรกของชาวบ้านดอน ต่อมาพระธาตุชำรุดมีรอยร้าวที่ฐาน พระธาตุจึงถูกรื้อแล้วสร้างขึ้นใหม่เป็นทรงสูงเรียวลักษณะคล้ายลำเทียน นับว่าเป็นสถาปัตยกรรมที่สวยงาม ภายในสถานีพัฒนาฯ มีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ 800 เมตร มีป้ายสื่อความหมาย สามารถเดินศึกษาธรรมชาติด้วยตนเอง นอกจากนั้นยังมีที่กางเต็นท์สำหรับนักท่องเที่ยว แต่ต้องนำเต็นท์มาเอง โดยทำหนังสือถึงหัวหน้าสถานีพัฒนาและส่งเสริมอนุรักษ์สัตว์ป่าเขาท่าเพชร ตู้ ป.ณ. 29 อำเภอเมือง จังหวัดสุราษฎร์ธานี 84000
ปากน้ำตาปี ตั้งอยู่หมู่ที่ 3 ตำบลบางกุ้ง ห่างจากตัวเมืองสุราษฎร์ธานีประมาณ 7 กิโลเมตร ตามเส้นทาง สุราษฎร์ธานี-ปากน้ำ การเดินทาง จากตัวเมืองมีคิวรถตุ๊กตุ๊ก อยู่เยื้องกับห้างจุฬาสรรพสินค้า ถนนบ้านดอน ปากน้ำตาปีมีร้านจำหน่ายของทะเล ร้านอาหารทะเลอยู่หลายร้าน สามารถรับประทานพร้อมชมทิวทัศน์บรรยากาศธรรมชาติของทะเลอ่าวบ้านดอนได้ด้วย

อำเภอไชยา
สวนโมกขพลาราม อยู่บริเวณเขาพุทธทอง ริมทางหลวงหมายเลข 41 บริเวณกิโลเมตรที่ 134 เดิมชื่อวัดธารน้ำไหล มีท่านพุทธทาสภิกขุเป็นผู้ริเริ่มสร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2502 เพื่อเป็นสถานที่แสวงหาความสงบและศึกษาธรรม มีโรงมหรสพทางวิญญาณ ซึ่งประกอบด้วยภาพศิลป์ บทกวี คติธรรมคำสอนในพุทธศาสนานิกายต่าง ๆ ภาพพุทธประวัติ ภาพจำลองจากภาพหินสลัก เรื่องพุทธประวัติในอินเดีย รอบบริเวณร่มรื่นเหมาะสำหรับเป็นที่ฝึกอบรมจิตใจและศึกษาพุทธศาสนา มีการสอนฝึกสมาธิแก่ชาวต่างประเทศ ทุกวันที่ 1-10 ของทุกเดือน และสำหรับคนไทย ทุกวันที่ 20–27 ของทุกเดือน ตั้งแต่เวลา 8.30–17.00 น. ติดต่อรายละเอียดได้ที่ โทร. 0 7743 1552, 0 7743 1597 หรือ www.suanmokkh.org และใกล้ ๆ กับสวนโมกขพลารามมี สวนรุกขชาติเขาพุทธทอง เป็นสถานที่รวบรวมพันธุ์ไม้ต่างๆ ที่มีค่าไว้มาก
วัดพระบรมธาตุไชยาราชวรวิหาร อยู่ตำบลเวียง ห่างจากตัวเมืองสุราษฎร์ธานีประมาณ 54 กิโลเมตร ตามทางหลวงหมายเลข 41 และแยกเข้าทางหลวงหมายเลข 4011 เลี้ยวซ้ายบริเวณกิโลเมตรที่ 137 องค์พระเจดีย์เป็นโบราณสถาน ที่สร้างขึ้นตามแบบลัทธิมหายาน ตั้งแต่ครั้งอาณาจักรศรีวิชัยรุ่งเรือง รอบองค์พระธาตุมีเจดีย์เล็กๆ 4 ทิศ ล้อมรอบด้วยวิหารคด ซึ่งประดิษฐานพระพุทธรูปเก่าแก่ขนาดต่างๆ โดยรอบทั้ง 4 ด้าน พระธาตุไชยานับเป็นปูชนียสถานที่สำคัญทางพุทธศาสนาของจังหวัดสุราษฎร์ธานี โทร. 0 7743 1090, 0 7743 1402
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติไชยา ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามวัดพระบรมธาตุไชยาราชวรวิหาร เป็นพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ประเภทประวัติศาสตร์และโบราณคดี อาคารหลังแรกด้านหน้าจัดแสดงประติมากรรมศิลาและสำริดที่ค้นพบในเมืองไชยาเก่า ได้แก่ เทวรูปพระนารายณ์ พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร ส่วนอาคารที่สอง เป็นที่จัดแสดงหลักฐานสมัยก่อนประวัติศาสตร์ตั้งแต่สมัยทวาราวดี ศรีวิชัย ลพบุรี สุโขทัย อยุธยา นอกจากนี้ยังจัดแสดงงานประณีตศิลป์ต่าง ๆ อีกมากมาย เปิดให้เข้าชม เวลา 09.00-16.00 น. ปิดวันจันทร์ วันอังคาร และวันนักขัตฤกษ์ ค่าเข้าชม ชาวไทย 10 บาท ชาวต่างประเทศ 30 บาท รายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 0 7743 1066
วัดรัตนาราม หรือวัดแก้ว ตั้งอยู่ที่บ้านวัดแก้ว ตำบลเลม็ด อยู่ห่างจากวัดพระบรมธาตุไชยาประมาณ 1 กิโลเมตร วัดแก้วเป็นวัดเก่าแก่ ไม่ทราบแน่ชัดว่าสร้างในสมัยใด สันนิษฐานว่าเจดีย์วัดแก้วสร้างสมัยเดียวกับเจดีย์วัดพระบรมธาตุไชยา คือระหว่างพุทธศตวรรษที่ 14-15 มีโบราณสถานที่สำคัญเรียกว่า เจดีย์วัดแก้ว เป็นโบราณสถานสถาปัตยกรรมศรีวิชัย สร้างราวพุทธศตวรรษที่ 14-15 ลักษณะของเจดีย์เป็นสถาปัตยกรรมแบบก่ออิฐไม่ถือปูน ฐานล่างเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส มีมุข 4 ด้าน ระหว่างมุขทำเป็นย่อมุมไม้สิบสอง ซุ้มด้านทิศตะวันออก มีทางเดินไปห้องกลางขององค์เจดีย์ ภายในซุ้มมีพระพุทธรูปปางมารวิชัยประดิษฐานอยู่ทุกซุ้ม กองโบราณคดีกรมศิลปากรได้ขุดแต่งบูรณะในปี พ.ศ. 2519-2522
วัดหลง ตั้งอยู่ที่บ้านวัดหลง อยู่ติดกับวัดรัตนาราม เป็นวัดเก่าแก่ ไม่ทราบแน่ชัดว่าสร้างในสมัยใด สันนิษฐานว่าเจดีย์ของวัดนี้สร้างสมัยเดียวกับเจดีย์วัดพระบรมธาตุไชยา คือระหว่างพุทธศตวรรษที่ 14-15 เป็นเจดีย์ที่ทิ้งร้างมานานจนชำรุดเหลือแต่ซากอิฐและฐานราก กองโบราณคดี กรมศิลปากรได้ขุดแต่งบูรณะปฏิสังขรณ์ เมื่อปี พ.ศ. 2524-2527 ทำให้สภาพของรูปทรงเจดีย์ชัดเจนขึ้น
หมู่บ้านพุมเรียงและแหลมโพธิ์ อยู่ที่ตำบลพุมเรียง ห่างจากตัวอำเภอ 7 กิโลเมตร เป็นชุมชนชาวมุสลิมเป็นส่วนใหญ่ ที่มีอาชีพทอผ้าไหม ผ้าไหมพุมเรียงเป็นผ้าทอยกดิ้นเงิน หรือดิ้นทองสวยงาม คุณภาพดี มีลวดลายอันเป็นเอกลักษณ์ของชาวพุมเรียง ได้แก่ ลายราชวัตร ดอกโคม ลายดอกพิกุล ลายนพเก้า และลายยกเบ็ด เป็นสินค้าพื้นเมืองที่มีชื่อของจังหวัดสุราษฎร์ธานี เลยจากหมู่บ้านไป 2 กิโลเมตร ตามเส้นทางพุมเรียง-ชายทะเล จะถึงแหลมโพธิ์ ชายทะเลที่น่าเที่ยวแห่งหนึ่งของตำบลพุมเรียง มีอาหารทะเล โดยเฉพาะ “หอยขาว” ที่มีอยู่ที่แหลมโพธิ์เพียงแห่งเดียวเท่านั้น
การเดินทาง จากตัวเมืองสุราษฎร์ธานีใช้บริการรถโดยสารสายสุราษฎร์ธานี-ระนอง หรือ สุราษฎร์ธานี-ชุมพร จากตัวเมืองไชยาใช้บริการรถโดยสารประจำทางสายไชยา-พุมเรียง
อำเภอกาญจนดิษฐ์
สถานที่ฝึกลิง จากตัวเมืองสุราษฎร์ธานี ใช้เส้นทางสายสุราษฎร์ธานี-นครศรีธรรมราช ทางหลวงหมายเลข 401 ประมาณ 7 กิโลเมตร และมีทางแยกด้านขวามือเป็นถนนลูกรังไปศูนย์ฝึกลิง อีก 2 กิโลเมตร จะเห็นป้าย “วิทยาลัยฝึกลิงเพื่อการเกษตร” อยู่ด้านขวามือ มีการสาธิตและบรรยายหลักสูตรการฝึกลิงกัง จากเริ่มต้นจนสามารถทำงานได้จริง ผู้สนใจจะเข้าชมติดต่อล่วงหน้าที่คุณสมพร แซ่โค้ว วิทยาลัยฝึกลิง โทร. 0 7722 7351

อำเภอดอนสัก
น้ำตกวิภาวดี อยู่ห่างจากอำเภอเมือง 38 กิโลเมตร ริมทางหลวงหมายเลข 401 บริเวณกิโลเมตรที่ 60-61 ก่อนถึงทางแยกเลี้ยวเข้าอำเภอดอนสัก น้ำตกวิภาวดีเป็นน้ำตกขนาดกลาง มีประชาชนนิยมเดินทางมาพักผ่อนกันมากในวันหยุด บริเวณน้ำตกมีเรือพายให้เช่าชั่วโมงละ 40 บาท และมีร้านอาหารบริการ การเดินทาง จากตัวเมืองสุราษฎร์ธานีมีรถโดยสารประจำทางผ่าน 2 เส้นทาง คือ สุราษฎร์ธานี-นครศรีธรรมราช และสุราษฎร์ธานี-ดอนสัก
วัดเขาสุวรรณประดิษฐ์ อยู่ห่างจากชุมชนอำเภอดอนสัก 1 กิโลเมตร ตามเส้นทางสุราษฎร์ธานี-นครศรีธรรมราช (ทางหลวงหมายเลข 401) พระครูสุวรรณประดิษฐ์การ หรือหลวงพ่อจ้อย เกจิอาจารย์ชื่อดังแห่งภาคใต้เป็นผู้บุกเบิกสร้างขึ้น ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2525 และมรณภาพเมื่อปี พ.ศ. 2536 แต่ยังคงอยู่ในโลงแก้วภายในอุโบสถ บนยอดเขายังเป็นที่ประดิษฐานพระเจดีย์ บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ซึ่งได้มาจากวัดพระเกียรติ อำเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่ รถสามารถขึ้นถึงบนยอดเขาได้
ท่าเรือเฟอร์รี่ อยู่บริเวณแหลมกุลา หมู่ที่ 10 ตำบลดอนสัก ห่างจากที่ว่าการอำเภอ ประมาณ 6 กิโลเมตร เป็นท่าเรือข้ามฟากขนาดใหญ่ สำหรับผู้ที่ต้องการเดินทางไปเกาะสมุย โดยนำรถยนต์ข้ามไป หรือนั่งโดยสารเพียงอย่างเดียวก็ได้ สอบถามข้อมูลได้ที่ ราชาเฟอร์รี่ โทร. 0 7737 1151, 0 7737 1206

อำเภอพนม
อุทยานแห่งชาติเขาสก ครอบคลุมพื้นที่อำเภอบ้านตาขุน อำเภอพนม และอำเภอคีรีรัฐนิยม มีพื้นที่ 461,712 ไร่ ประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติ เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2537 สภาพโดยทั่วไปเป็นภูเขาดิน และภูเขาหินปูนสูงสลับซับซ้อน มีแนวหน้าผาสูงชัน ด้านทิศเหนือเป็นแหล่งน้ำขนาดใหญ่ เกิดจากการก่อสร้างเขื่อนรัชชประภา มีป่าไม้และสัตว์ป่าอุดมสมบูรณ์ พันธุ์ไม้หายากที่พบในเขตอุทยานฯ ได้แก่ ปาล์มหลังขาว และ บัวผุด เป็นดอกไม้ขนาดใหญ่ มีเส้นผ่าศูนย์กลางดอกประมาณ 10-25 นิ้ว ขึ้นอยู่บนพื้นดิน จะบานในช่วงเดือนพฤศจิกายน ถึง มกราคม ส่วนสัตว์หายากที่น่าสนใจ ได้แก่ กบทูด และปลามังกร ช่วงเวลาที่เหมาะจะเดินทางมาท่องเที่ยวคือ เดือนธันวาคมถึงเดือนเมษายน นอกจากนั้นอุทยานฯ ยังมีกิจกรรมที่น่าสนใจ คือ การล่องแก่ง เดินป่า นั่งช้าง ดูนก และเดินศึกษาเส้นทางธรรมชาติ
อุทยานฯ มีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ ได้แก่
วังยาว น้ำตกบางหัวแรด และน้ำตกวิ่งหิน น้ำตกบางหัวแรด เป็นน้ำตกสองชั้นที่สวยงามแต่ไม่สูงมาก ชั้นแรกไหลจากบางหัวแรดลงสู่คลองสก ชั้นที่สองอยู่ในคลองสก มีน้ำไหลตลอดปี ห่างลงมาประมาณ 120 เมตร มีน้ำตกวิ่งหินไหลลงมาบรรจบเหนือขึ้นไป 40 เมตร มีวังสำหรับเล่นน้ำ เรียกว่า “วังยาว” อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยาน 3 กิโลเมตร
ตั้งน้ำ มีลักษณะเป็นภูเขาที่ถูกน้ำกัดเซาะจนขาดออกจากกัน ทำให้กลายเป็นหน้าผาหันหน้าเข้าหากัน มีลำคลองสกไหลลอดผ่านเบื้องล่าง อยู่ห่างจากที่ทำการฯ ประมาณ 6 กิโลเมตร ห่างจากน้ำตกวิ่งหินประมาณ 3.2 กิโลเมตร ต้องเดินทางโดยทางเท้า
น้ำตกโตนกลอย เกิดจากคลองสก เป็นน้ำตกชั้นเดียว มีลานหินสำหรับพักผ่อนบนชั้นน้ำตก อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ ประมาณ 9 กิโลเมตร
น้ำตกโตนไทร เป็นน้ำตกที่ไม่สูงนัก อยู่ในลำคลองสก ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ ประมาณ 11 กิโลเมตร ห่างจากน้ำตกโตนกลอย ประมาณ 2 กิโลเมตร
น้ำตกธารสวรรค์ ไหลลงมาจากหน้าผาชัน พุ่งโค้งแบบรุ้งกินน้ำ ไหลลงสู่คลองสก อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ ประมาณ 9 กิโลเมตร ห่างจากตั้งน้ำประมาณ 3 กิโลเมตร
น้ำตกสิบเอ็ดชั้น อยู่ห่างจากที่ทำการฯ 4 กิโลเมตร เป็นน้ำตกที่ไหลลงมาเป็นชั้นๆ ลดหลั่นกันมาตามร่องหน้าผาเป็นรูปขั้นบันได 11 ขั้น ชั้นล่างสุดของน้ำตกจะมีแอ่งน้ำสำหรับลงเล่นน้ำได้ ต้องเดินทางโดยทางเท้า
น้ำตกแม่ยาย อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ 4.5 กิโลเมตร เป็นน้ำตกชั้นเดียวสูงประมาณ 30 เมตร รถยนต์สามารถไปถึงได้ ตั้งอยู่ริมถนนสายสุราษฎร์ธานี-ตะกั่วป่า บริเวณกิโลเมตรที่ 113
อุทยานฯ มีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ 3 เส้นทาง คือ
เส้นทางที่ 1 น้ำตกบางหัวแรด-น้ำตกโตนกลอย เริ่มเดินจากที่ทำการอุทยานฯ ข้ามคลองบางเลน ไป น้ำตกบางหัวแรด ซึ่งอยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ 3 กิโลเมตร เป็นน้ำตก 2 ชั้น ไม่สูงมากนัก เดินเลียบคลองสก ผ่าน น้ำตกวิ่งหิน อยู่ห่างไป 120 เมตร มีความสูงประมาณ 20 เมตร ไหลสู่คลองสก เดินทางต่อไปตามเส้นทางเดินเท้าเลียบคลองสกผ่าน วังยาว ห่างประมาณ 40 เมตร เป็นวังน้ำลึก เดินเท้าขึ้น ภูเขาเตี้ย ๆ ข้ามคลองสก มีทางแยกซ้ายเข้าไปประมาณ 5 กิโลเมตร จะพบ น้ำตกธารสวรรค์ เป็นน้ำตกที่ไหลสู่คลองสก มีลักษณะเป็นแนวโค้งคล้ายแนวรุ้งกินน้ำ จากนั้นเดินเลียบคลองสกไปอีก 2 กิโลเมตร จะถึง ตั้งน้ำ หรือต้นน้ำ เป็นภูเขาซึ่งถูกน้ำเซาะจนกลายเป็นหน้าผาหันหน้าเข้าหากัน มีลำคลองสกลอดผ่าน เบื้องล่างเป็นวังน้ำลึก ซึ่งเป็นสถานที่ลอยเถ้าอังคาร (เถ้ากระดูก) ของท่านพุทธทาส จากตั้งน้ำเดินเท้าปีนเขา ประมาณ 3 กิโลเมตร ถึง น้ำตกโตนกลอย เป็นน้ำตกชั้นเดียว เกิดจากลำคลองสก มีน้ำไหลแรงตลอดปี ตลอดเส้นทางมีความยาว 9 กิโลเมตร นักท่องเที่ยวสามารถเดินได้เอง เส้นทางเดินไม่ลำบาก
เส้นทางที่ 2 น้ำตกสิบเอ็ดชั้น เป็นเส้นทางที่ต้องปีนภูเขาสู่น้ำตกสิบเอ็ดชั้น ระยะทางเดิน 4 กิโลเมตร เส้นทางเดินค่อนข้างชัน สามารถเดินเองได้ ไม่ต้องมีเจ้าหน้าที่นำทาง น้ำตกสิบเอ็ดชั้น เกิดจากคลองบางเลน เป็นน้ำตกรูปขั้นบันได มี 11 ชั้น
เส้นทางที่ 3 เป็นเส้นทางเดินที่ใช้เส้นทางเดียวกับน้ำตกสิบเอ็ดชั้น แต่เป็นเส้นวงกลม มีทางเดินเป็นขั้นบันได ตามเส้นทางจะมีป้ายสื่อความหมาย สามารถเดินเองได้ ระยะทาง 2 กิโลเมตร
ที่พัก อุทยานฯ มีบ้านพักบริการ 4 หลัง แต่ไม่มีเต็นท์ให้เช่าต้องนำไปเอง เสียค่าพื้นที่กางเต็นท์ คนละ 30 บาท สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ อุทยานแห่งชาติเขาสก หมู่ที่ 6 ตำบลคลองสก อำเภอพนม จังหวัด สุราษฎร์ธานี โทร. 0 7729 9151, 0 7729 9318-9 ต่อ 5715, 0 7729 9150-1 และใกล้ที่ทำการอุทยานฯ มีที่พักของเอกชนบริการหลายแห่ง บางแห่งเป็นบ้านบนต้นไม้ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของที่พักบริเวณอุทยานฯ นี้
การเดินทาง จากตัวเมืองสุราษฎร์ธานีใช้เส้นทางสุราษฎร์ธานี-ตะกั่วป่า (ทางหลวงหมายเลข 401) ถึงกิโลเมตรที่ 109 มีแยกขวาไปอีก 1.5 กิโลเมตร ถึงบริเวณที่ทำการอุทยานฯ หรือจากสถานีรถไฟ อำเภอพุนพิน สุราษฎร์ธานี มีรถประจำทางสายพุนพิน-ภูเก็ต ลงรถบริเวณกิโลเมตรที่ 109 แล้วต่อรถจักรยานยนต์รับจ้างเข้าสู่ที่ทำการอุทยานฯ สำหรับนักท่องเที่ยวที่ไม่ได้เตรียมอาหารหรือเสบียงในการพักค้างแรมที่อุทยานฯ สามารถจะหาซื้อของใช้ได้ที่บริเวณบ้านตาขุน ซึ่งเป็นชุมชนที่มีร้านค้าหลายแห่งก่อนเดินทางไปอุทยานฯได้
เขื่อนรัชชประภา (เขื่อนเชี่ยวหลาน) อยู่ในบริเวณเดียวกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย หมู่ที่ 3 ตำบลเขาพัง ห่างจากตัวเมืองสุราษฎร์ธานี 90 กิโลเมตร เป็นเขื่อนหินทิ้งแกนดินเหนียวอเนกประสงค์ สูง 95 เมตร ยาว 700 เมตร บริเวณเขื่อนและอ่างเก็บน้ำร่มรื่นด้วยต้นไม้ใหญ่ และสวนสวยงาม ภูเขาหินปูนที่อยู่ในเขื่อนมีรูปร่างต่าง ๆ แปลกตาสวยงามตามธรรมชาติ ท่ามกลางผืนน้ำสีเขียวที่ดูอบอุ่นเย็นสบายเหมาะจะมาเที่ยวพักผ่อน ในบริเวณเขื่อนรัชชประภาจะมีที่พักของหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติเขาสกไว้บริการนักท่องเที่ยว ได้แก่ หน่วยอุทยาน ขส. 2 มีบ้านพัก 2 หลัง พักได้ 30 คน แพพักที่หน่วยฯ นางไพร มี 6 หลัง พักได้ 50 คน แพพักที่หน่วยฯ โตนเตย มี 7 หลัง พักได้ 10-18 คน แพพักที่หน่วยฯ ไกรสร มี 10 หลัง ราคาที่พักรวมค่าอาหารคนละ 500 บาท โดยขึ้นเรือที่ท่าริมแก่ง ค่าเช่าเรือหางยาวสำหรับเดินทางไปยังแพต่าง ๆ ขึ้นอยู่กับระยะทางใกล้ไกล แพนางไพร ราคา 1,200 บาท แพโตนเตยและแพไกรสรราคา 1,700 บาท ผู้ที่ประสงค์จะไปพักควรติดต่อที่พักล่วงหน้า โทร. 0 7729 9318-9
นอกจากนั้นแพต่าง ๆ ยังมีกิจกรรมสำหรับนักท่องเที่ยว เช่น ที่หน่วยพิทักษ์นางไพร โดนเตย และไกรสร มีเรือแคนูให้เช่า ราคา 200 บาท/วัน โดยเฉพาะที่หน่วยพิทักษ์อุทยานฯ ขส. 4 (โตนเตย) จะมีถ้ำให้นักท่องเที่ยวได้ผจญภัยตื่นเต้น คือ ถ้ำน้ำทะลุ ซึ่งอยู่ห่างจากหน่วยพิทักษ์อุทยานฯ 6 กิโลเมตร โดยทางเท้า เป็นถ้ำใหญ่ที่มีธารน้ำไหล มีหินงอกหินย้อยที่งดงาม การเดินเที่ยวถ้ำค่อนข้างลำบากจำเป็นต้องมีเจ้าหน้าที่นำทาง
สำหรับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ก็มีที่พักและกิจกรรมต่าง ๆ ที่น่าสนใจบริการนักท่องเที่ยว เช่น สนามกอล์ฟมาตรฐาน 8 หลุม นั่งเรือชมบรรยากาศของทะเลสาบเหนือเขื่อน สอบถามเพิ่มเติม โทร. 0 7724 0740-5 สำหรับบ้านพักมีบริการนักท่องเที่ยว จำนวน 111 ห้อง ราคา 200-500 บาท/คืน สอบถามรายละเอียด โทร. 0 7724 0740-5 ต่อ 5008 ในวันและเวลาราชการ
การเดินทาง จากอำเภอเมือง ไปตามทางหลวงหมายเลข 401 แยกเข้าสู่หน่วยพิทักษ์อุทยานฯ ขส.2 (เชี่ยวหลาน) ตรงหลักกิโลเมตรที่ 60 ระยะทาง 14 กิโลเมตร
อุทยานแห่งชาติคลองพนม เป็นอุทยานที่กำลังจะประกาศจัดตั้ง อยู่ในเขตตำบลคลองสก ตำบลพนม ตำบลพลูเถื่อน อำเภอพนม มีเนื้อที่ 2,900,000 ไร่ ลักษณะภูมิประเทศเป็นภูเขาหินปูนเรียงรายสลับซับซ้อน และมีป่าไม้ที่สมบูรณ์อุดมด้วยไม้ใหญ่นานาพรรณ เป็นป่ารกครึ้มร่มรื่น มีลำธารใหญ่น้อยจำนวนมาก ซึ่งลำธารนี้ไหลรวมกับคลองสกและคลองสกไหลไปรวมกับคลองแสง เป็นต้นกำเนิดของคลองพุมดวง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแม่น้ำตาปี
สถานที่น่าสนใจของอุทยานฯ ได้แก่
ค่ายเขาวงก์ ในอดีตเคยเป็นพื้นที่ของพรรคคอมมิวนิสต์ การเดินทางจะต้องผ่านลำธารน้ำตกเขาวงก์ซึ่งสูง 8 ชั้น พื้นที่เกษตรกรรมของพรรคคอมมิวนิสต์ในอดีต จากนั้นจึงเดินเข้าถ้ำตามลำธารน้ำไหล ซึ่งเป็นถ้ำมืดสามารถเดินทะลุเขาอีกด้านหนึ่งได้ ใช้เวลา 45 นาที ภายในถ้ำอดีตเคยเป็นที่ตั้งของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยมาก่อน
น้ำตกช่องยูง เป็นน้ำตกที่เป็นชั้นลดหลั่นกันลงมา แลดูสวยงาม มีสายน้ำที่เย็นฉ่ำ ท่ามกลางป่าไม้ร่มรื่นที่สมบูรณ์
ถ้ำนอน และถ้ำน่าน เป็นถ้ำที่เกิดจากภูเขาหินปูน ภายในมีหินงอกหินย้อยที่ดูเป็นประกายพราวด้วยแร่ไมกา
ถ้ำแก้ว อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ 2 กิโลเมตร การจะไปถ้ำแก้วต้องเดินเท้าเลียบไปตามแนวเขาที่สูงชัน ระยะทาง 919 เมตร โดยเริ่มจากวังมัจฉา (วัดถ้ำวราราม) บริเวณกิโลเมตรที่ 92 ใช้เวลาเดิน 30 นาที ภายในถ้ำจะมีห้องต่าง ๆ หลายห้องที่มีหินงอกหินย้อยรูปร่างต่าง ๆ ตามชื่อห้องนั้น ๆ เช่น ถ้ำแก้ว ซึ่งที่มาของชื่อถ้ำนั้น เกิดจากผนังถ้ำจะมีหินที่มีลักษณะเหมือนกลีบผ้าม่าน และมีแสงระยิบระยับของเกล็ดหินมองแล้วเหมือนเกล็ดแก้ว เกล็ดแก้ว เป็นห้องที่มีแสงระยิบระยับของเกร็ดหินบริเวณหินงอกหินย้อย ห้องฤาษี มีหินลักษณะเหมือนพระฤาษี ห้องม้าน้ำ จะมีหินย้อยที่มีลักษณะเหมือนม้าน้ำจำนวนหลายร้อยตัวเรียงรายกันอยู่อย่างน่าอัศจรรย์ ห้องหม้อยา เป็นห้องที่มีหินงอกลักษณะคล้ายหม้อยา จนถึงกับมีชาวบ้านนำเอาเศษหินเศษดินในหม้อยานี้ไปใช้รักษาโรคก็มี
นอกจากนั้นอุทยานฯ ยังมีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ “วังมัจฉา-ถ้ำแก้ว” ระยะทาง 1 กิโลเมตร ตลอดเส้นทางจะมีป้ายสื่อความหมายบอกถึงความสัมพันธ์ของพืขและสัตว์ในป่าที่ต่างต้องพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน และตามเส้นทางเดินยังมีจุดชมวิวที่จะเห็นความสมบูรณ์ของป่าได้อีกด้วย
การเดินทาง ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 401 เส้นทางเดียวกับทางไปอุทยานแห่งชาติเขาสก (สายสุราษฎร์ธานี-ตะกั่วป่า) แยกซ้ายเข้าตรงกิโลเมตรที่ 90 เข้าไป 50 เมตร จะถึงที่ทำการอุทยานฯ

อำเภอเคียนซา
เขตห้ามล่าสัตว์ป่าหนองทุ่งทอง อยู่ตำบลเขาตอก มีเนื้อที่ 38,438 ไร่ ประกาศเป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2528 สภาพพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นที่ลุ่มสลับกับหนองน้ำ มีหนองน้ำใหญ่เป็นที่อาศัยของนกและสัตว์น้ำอยู่ถึง 5 แห่ง หนองน้ำที่ใหญ่ที่สุดคือ หนองทุ่งทอง มีเนื้อที่ 2,500 ไร่ มีไม้ที่มีค่าและเป็นไม้หวงห้าม คือ จันทร์กะพ้อ และสัตว์ป่าอาศัยอยู่หลายชนิด ได้แก่ เป็ดแดง ยางโทนใหญ่ นากเล็กเล็บสั้น นกยางกรอดพันธุ์จีน และนกชนิดต่างๆ กว่า 70 ชนิด ซึ่งอพยพถิ่นอาศัยมาจากเขตหนาว ช่วงที่มีนกมากที่สุด คือเดือนตุลาคม-มีนาคม บริเวณอุทยานฯ มีบ่อน้ำพุร้อน ซึ่งเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ อุณหภูมิ 50–60 องศาเซลเซียส และมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติบ่อน้ำร้อน ระยะทาง 1 กิโลเมตร เป็นทางราบเดินสบาย มีป้ายสื่อความหมาย สามารถเดินเองได้
การเดินทาง จากอำเภอเมือง ใช้ทางหลวงหมายเลข 401 แยกซ้ายบริเวณหลักกิโลเมตรที่ 19 เข้าอำเภอเคียนซา ใช้เส้นทางหมายเลข 4153 ระยะทาง 24 กิโลเมตร จากอำเภอเคียนซา ใช้เส้นทาง รพช. สายบ้านน้ำเกลี้ยง-บ้านเคียนซา ประมาณ 3 กิโลเมตร

อำเภอบ้านนาสาร
อุทยานแห่งชาติใต้ร่มเย็น ครอบคลุมพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติปากคลองน้ำเฒ่า อำเภอบ้านนาสาร อำเภอกาญจนดิษฐ์ และอำเภอเวียงสระ มีเนื้อที่ 265,625 ไร่ ประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2534 เป็นป่าดิบชื้นที่สมบูรณ์ มีพันธุ์ไม้ที่สำคัญ ได้แก่ ยาง ตะเคียน หลุมพอ เสียดช่อ เคี่ยม และสะตอ บริเวณยอดเขาที่มีเมฆหมอกปกคลุมเกือบตลอดปี จะพบป่าอีกชนิดหนึ่ง คือป่าดิบเขา พันธุ์ไม้ที่พบได้แก่ เหมือด กำยาน บังตาน เป็นแหล่งต้นน้ำของแม่น้ำตาปี พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นหินอัคนี ที่เกิดจากการยกตัวและระเบิดของภูเขาไฟ อุทยานฯ ได้รับอิทธิพลจากลมมรสุมมี 2 ฤดู คือ ฤดูร้อน ระหว่างเดือนมกราคมถึงเดือนเมษายน และฤดูฝน ระหว่างเดือนพฤษภาคมถึงเดือนธันวาคม สัตว์ป่าที่พบ ได้แก่ เลียงผา เก้ง กระจง หมูป่า ช้าง สมเสร็จ และเสือโคร่ง นอกจากนั้นยังมี ค่าย 180 และค่าย 357 ซึ่งเป็นค่ายพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยในอดีต
สถานที่น่าสนใจภายในอุทยานฯ
น้ำตกดาดฟ้า เป็นน้ำตกที่สูงใหญ่ที่สุดในจังหวัดสุราษฎร์ธานี มี 10 ชั้น ชั้นสูงสุดเป็นหน้าผาสูงชัน 80 เมตร ในฤดูฝนน้ำจะไหลแรงเต็มหน้าผาราวกับไหลลงมาจากฟากฟ้า จึงได้ชื่อว่า “ดาดฟ้า” และยังเป็นเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ ระยะทาง 15 กิโลเมตร ใช้เวลาในการเดิน 2 วัน ต้องพักค้างแรมในป่า 1 คืน โดยเริ่มจากเขาหนามเตย จนมาถึงน้ำตกดาดฟ้า
การเดินทาง ใช้ทางหลวงหมายเลข 4009 สายอำเภอบ้านนาสาร-สุราษฎร์ธานี ห่างจากตัวเมือง 33 กิโลเมตร จะมีทางแยกเลี้ยวเข้าถนน รพช. เข้าสู่น้ำตกประมาณ 13 กิโลเมตร
น้ำตกเหมืองทวด เป็นน้ำตกสูง 7 ชั้น บริเวณน้ำตกร่มรื่นด้วยต้นไม้ใหญ่ การเดินทาง สามารถเดินทางจากอำเภอบ้านนาสารได้ 2 เส้นทางคือ เริ่มจากอำเภอบ้านนาสารไปตามทางหลวงแผ่นดินสายนาสาร-บ้านส้อง ประมาณ 12 กิโลเมตร แล้วแยกไปตามถนนบ้านช่องช้าง-เหมืองทวด ประมาณ 8 กิโลเมตร ทั้งสองเส้นทางเป็นทางลาดยางตลอด
เขาหนอง เป็นภูเขาที่สูงที่สุดในจังหวัดสุราษฎร์ธานี สูง 1,530 เมตร มีเมฆหมอกปกคลุมยอดเขาและสภาพอากาศเย็นชื้นตลอดปี พันธุ์ไม้เป็นป่าดิบเขามีมอสและตะไคร่น้ำน้ำเกาะตามลำต้นอย่างหนาแน่น
ถ้ำขมิ้น หรือ ถ้ำเหม็น ที่มีชื่อเรียกเช่นนี้เพราะมีมูลค้างคาวที่อาศัยอยู่จำนวนมากภายในถ้ำ เป็นถ้ำที่เป็นจุดท่องเที่ยวเด่นของอุทยานแห่งชาติใต้ร่มเย็น ถ้ำนี้เป็นถ้ำหินปูนที่กว้างใหญ่มาก ยาว 2 กิโลเมตร ภายในถ้ำนอกจากจะได้ชมความงามของหินงอกหินย้อยแล้ว จะได้พบกับ ศาลท่านขุน ที่ปากถ้ำซึ่งเป็นที่เคารพของชาวบ้าน ลานรถจี๊ป เป็นห้องใหญ่ที่มีร่องรอยของรถจี๊ปในสมัยที่มีการทำสัมปทานมูลค้างคาว ลานท่านขุน เป็นทำนบหินปูน มีหินงอกหินย้อยขนาดใหญ่ เรียกว่า “เสาเอก” และ “หลักชัย” ช่องฟ้า เป็นช่องที่ทะลุเพดานถ้ำได้ ม่านสีชมพู เป็นม่านหินปูนที่มีลวดลายเป็นริ้ว ๆ สีชมพู มองดูเป็นภาพพระพุทธรูปปางสมาธิ ม่านฟ้า เป็นม่านหินย้อยขนาดใหญ่ บางจุดดูคล้ายเศียรช้าง และบริเวณถ้ำขมิ้นสามารถกางเต็นท์ได้ โดยติดต่อล่วงหน้าที่ หัวหน้าหน่วยใต้ร่มเย็น (ถ้ำขมิ้น) โทร. 0 1476 1759, 0 1272 4411
สันเย็น เป็นแนวสันเขา มองจากระยะไกลจะเห็นแนวเขาเรียบเสมอเป็นทิวยาว สูงประมาณ 1,000–1,300 เมตร มีสัตว์ป่าและพันธุ์พืชหลายชนิดที่ไม่สามารถพบเห็นตามป่าเบื้องล่าง
อุทยานฯ มีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจที่อยู่ในอำเภออื่น ๆ อาทิ อำเภอเวียงสระ มี น้ำตกสามห้าเจ็ด เป็นน้ำตกสูง 25 เมตร มีน้ำตลอดปี น้ำตกคลองน้ำเฒ่า มี 2 ชั้น ชั้นที่ 2 มีน้ำไหลลาดลงมาเป็นสามสายดูสวยงาม สูง 35 เมตร น้ำตกคลองคันเบ็ด มี 7 ชั้น ส่วนในอำเภอกาญจนดิษฐ์ มี น้ำตกเพชรพนมวัฒน์ เป็นน้ำตกสวยสูง 30 เมตร และเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติเขาหนามเตย ระยะทาง 1,900 เมตร ใช้เวลาเดินเกือบ 2 ชั่วโมง โดยเริ่มจากศาลาทรงงานของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์วลัยลักษณ์ ภายในโครงการจุฬาภรณ์ และสิ้นสุดที่ค่ายพักแรมจุฬาภรณ์ เส้นทางนี้จะศึกษาเกี่ยวกับระบบนิเวศของป่าดิบชื้น ซึ่งเป็นป่าที่มีความหลากหลายทางชีวภาพมากที่สุด
อุทยานฯ มีบ้านพักบริการนักท่องเที่ยว จำนวน 2 หลัง และมีสถานที่กางเต็นท์ แต่ต้องเตรียมอุปกรณ์การพักแรมไปเอง รายละเอียดสอบถามได้ที่ อุทยานแห่งชาติใต้ร่มเย็น ตู้ ป.ณ.12 อำเภอเมือง จังหวัด สุราษฎร์ธานี 84000 หรืองานบริการบ้านพัก กรมป่าไม้ โทร. 0 2579 5734, 0 2579 7223
การเดินทาง จากตัวเมืองสุราษฎร์ธานี ไปตามทางหลวงหมายเลข 4009 สายสุราษฎร์ธานี-บ้านนาสาร ระยะทาง 30 กิโลเมตร ถึงบ้านเฉียงพร้า ตรงข้ามโรงเรียนควนสุบรรณ เลี้ยวซ้ายไปตามถนน รพช. อีก 15 กิโลเมตร ถึงที่ทำการอุทยานฯ

เกาะสมุย เกาะที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลก อยู่บริเวณอ่าวไทย ห่างจากสุราษฎร์ธานีไปทางทิศตะวันออก 84 กิโลเมตร มีเนื้อที่ 247 ตารางกิโลเมตร ถนนรอบเกาะ (ถนนสายทวีราษฎร์ภักดี) ยาว 52 กิโลเมตร พื้นที่ 1 ใน 3 ของเกาะเป็นที่ราบ ล้อมรอบภูเขา ช่วงเดือนมกราคมถึงเดือนพฤษภาคม เป็นช่วงคลื่นลมสงบเหมาะแก่การท่องเที่ยวที่สุด เกาะสมุย เป็นเกาะที่มีหาดทรายสวยทรายขาวมีชื่อหลายแห่ง อาทิ หาดเฉวง หาดนาเทียน หาดตลิ่งงาม หาดละไม นักท่องเที่ยวที่ต้องการหาดทราย ทะเล สายลม และแสงแดด ชายหาดที่ทอดยาวขนานไปกับทะเล ต้นมะพร้าวริมชายหาดและน้ำทะเลใสสวย ล้วนเป็นเสน่ห์ที่ทำให้นักท่องเที่ยวที่เคยไปสมุยมาแล้วต้องหวนกลับไปอีกครั้งแล้วครั้งเล่า อาหารทะเลสด ๆ ก็เป็นอีกเสน่ห์ที่ชวนให้นึกถึง
นอกจากทะเลสวยน้ำใส เกาะสมุยยังมีกิจกรรมที่กำลังได้รับความนิยมไปทั่วโลกบริการนักท่องเที่ยว นั่นก็คือ สปา….หรือการดูแลรักษาสุขภาพด้วยการใช้น้ำบำบัด เช่น การอาบแช่น้ำ อาจจะเป็นน้ำแร่ หรือน้ำร้อน การบำบัดโดยการนวด หรือ การใช้พฤกษาบำบัด โดยใช้กลิ่นพืชพรรณธรรมชาติช่วยในการคลายเครียด ซึ่งมีสถานที่บริการอยู่หลายแห่ง ทั้งในโรงแรมและศูนย์สปาโดยเฉพาะ แต่ละสถานที่มีบรรยากาศ ความสะดวกสบาย และการบริการที่ดีเยี่ยม ชวนให้รู้สึกผ่อนคลายอย่างแท้จริง และสำหรับนักกอล์ฟที่นี่ก็มีสนามกอล์ฟให้ได้ออกกำลังกายอีกด้วย
ความสวยงามทางธรรมชาติ ความสะดวกสบายของเกาะสมุย ยังผสมผสานด้วยศิลปวัฒนธรรมของชาวพื้นถิ่นที่ยังคงเป็นรากฐานของความเป็นมาของชุมชนอีกหลายแห่งบนเกาะ เช่น วัดสำเร็จ วัดละไม เจดีย์แหลมสอ เป็นต้น
สถานที่น่าสนใจบนเกาะสมุย
ชายหาด เกาะสมุยมีชายหาดที่สวยงามอยู่หลายแห่งรอบเกาะ ชายหาดที่นักท่องเที่ยวนิยมไปพักผ่อนกันมาก คือ หาดเฉวง และหาดละไม นอกจากนี้มีชายหาดที่อ่าวบางรัก บ้านบ่อผุด หาดหน้าทอน หาดท้องยาง หาดแม่น้ำ และหาดเชิงมน เป็นต้น
น้ำตกหินลาด น้ำตกลาดวานร และน้ำตกหน้าเมือง ห่างจากท่าเรือหน้าทอน 3 กิโลเมตร 6 กิโลเมตร และ 14 กิโลเมตร ตามลำดับ เป็นน้ำตกที่ประชาชนนิยมมาเที่ยวพักผ่อนกันมาก ในฤดูฝนมีน้ำมาก การประปาสุขาภิบาลยังได้อาศัยน้ำจากน้ำตกหินลาดทำน้ำประปาสำหรับแจกจ่ายให้ประชาชนในตลาดหน้าทอน และบริเวณใกล้เคียงบริโภค และที่น้ำตกหน้าเมือง 1 และ 2 จะมีกิจกรรมการนั่งช้างบริการนักท่องเที่ยว ตั้งแต่เวลา 09.00 น. – 17.00 น ทุกวัน
พระใหญ่ หรือ พระพุทธโคดม เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ขนาดหน้าตักกว้าง 5 วา 9 นิ้ว ประดิษฐานอยู่บริเวณเกาะฟาน และเป็นที่ตั้งสำนักวิปัสสนากรรมฐานสำหรับให้ผู้สนใจปฏิบัติธรรมพักอาศัยได้
พระธาตุหินงู พระบรมสารีริกธาตุเกาะสมุย หรือชาวเกาะสมุยเรียกว่าพระธาตุศิลางู อยู่ห่างจากที่ว่าการอำเภอเกาะสมุย 17 กิโลเมตร ตามประวัติสร้างโดยชาวบ้านตำบลมะเร็ด ชื่อนายศรีทอง และได้มีพิธีบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2498 โดยเจ้าคุณพระอรรถทัศสิสุทธิพงศ์แห่งวัดชีโทน อำเภอผักไห่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยาเป็นผู้มอบให้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถเสด็จมาทรงนมัสการ เมื่อวันที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2505 ชาวเกาะสมุยจึงถือเป็นประเพณีมีงานนมัสการสืบมา
เจดีย์แหลมสอ เป็นเจดีย์ที่สร้างขึ้นโดยหลวงพ่อแดง พระภิกษุที่เป็นที่เคารพนับถืออย่างยิ่งของชาวเกาะสมุย มรณภาพเพราะเรืออับปาง เมื่อ พ.ศ. 2519 องค์พระเจดีย์ประดับด้วยกระเบื้องสีทองทั้งองค์ ภายในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ อยู่ริมทะเลเขตติดต่อระหว่างตำบลตลิ่งงาม-หน้าเมือง
วัดคุณาราม (วัดเขาโป๊ะ) บริเวณกิโลเมตรที่ 13 ใกล้น้ำตกหน้าเมือง มีพระซึ่งชาวบ้านเรียกว่า หลวงพ่อแดง หรือ หลวงพ่อแดง ปิยะสีโล (ท่านพระครูสมถกิตติคุณ) มรณภาพไปแล้วแต่ศพไม่เน่าเปื่อย บรรจุในโลงแก้ว ในท่านั่งวิปัสสนากรรมฐาน
ฟาร์มงูพังกา ตั้งอยู่ที่ 88/2 หมู่ที่ 4 ตำบลตลิ่งงาม ภายในฟาร์มเลี้ยงงูทุกชนิด มีการแสดงของคนกับงูวันละ 2 รอบ เวลา 11.00 น. และ 14.00 น. อัตราค่าเข้าชมคนละ 250 บาท รายละเอียดติดต่อฟาร์มงู โทร. 0 7742 3247, 0 1476 5700
บ้านควายไทยสมุย ตั้งอยู่ที่ 20 หมู่ 1 ตำบลหน้าเมือง บนเนื้อที่ 35 ไร่ เป็นที่แสดงถึงวิถีชีวิตความเป็นอยู่ การดำรงชีวิตตลอดจนเครื่องมือเครื่องใช้ของชาวนาไทย แสดงการทำนาปลูกข้าว การดำนา การเก็บเกี่ยว การตำข้าวโดยใช้ครก การใช้ควายกับคันไถในการพรวนดินแทนรถแทรกเตอร์ รวมทั้งแสดงการละเล่นของชาวนาในช่วงหลังเสร็จสิ้นการทำนา อาทิ การเล่นดนตรีบนหลังควาย เพื่อเป็นการผ่อนคลายความเหน็ดเหนื่อยจากการทำนา นอกจากนั้นภายในบริเวณยังได้จำลองให้เห็นและสัมผัสกับบรรยากาศแบบไทย ที่นี่มีบริการนั่งเกวียน หรือนั่งบนหลังควายสำหรับนักท่องเที่ยวที่ไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน สำหรับการแสดงจะมี 2 รอบ คือ เวลา 10.00 น. และ 15.00 น. ทุกวัน ค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 350 บาท เด็ก 175 บาท สอบถามข้อมูล โทร. 0 77 41 8680 โทรสาร 0 7741 8681
หินตา หินยาย อยู่บริเวณอ่าวละไม ตำบลมะเร็ด เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติของหินแกรนิตเกิดจากการกัดเซาะโดยน้ำทะเลและความร้อนจนเกิดเป็นโขดหินรูปร่างประหลาด มีนิทานท้องถิ่นเล่ากันต่อๆ มาว่า นานมาแล้ว มีตายายคู่หนึ่งชื่อ ตาเครงกับยายเรียม เป็นชาวปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช เดินทางโดยเรือใบเพื่อจะไปสู่ขอลูกสาวของตาม่องล่าย จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ให้กับลูกชาย ครั้นเรือแล่นมาถึงบริเวณแหลมละไม เกิดพายุใหญ่ทำให้เรือล่ม ทั้งตาและยายเสียชีวิต คลื่นซัดขึ้นเกยหาดและกลายเป็นหินที่เห็นในปัจจุบันนี้
พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านวัดละไม อยู่ในวัดละไม เป็นอาคารไม้ 2 ชั้น เป็นที่รวบรวมของเก่า เครื่องมือเครื่องใช้ชีวิตประจำวันของชาวบ้านบนเกาะและที่อื่น ๆ ในภาคใต้ เช่น ตะเกียงโบราณแบบต่าง ๆ กรงนกเขา กลองมโหระทึก อายุกว่า 300 ปี เป็นศิลปกรรมในยุคโลหะของวัฒนธรรมดองซอนตอนเหนือของเวียดนาม ค้นพบเมื่อปี 2543 ใช้ในพิธีกรรมขับไล่ผี ขอฝน เป็นต้น
สวนผีเสื้อสมุย ตั้งอยู่บนเนินเขาติดทะเลทางทิศใต้ของเกาะสมุย บริเวณแหลมนาเทียน ห่างจากหมู่บ้านชาวประมงบ้านหัวถนน 3 กิโลเมตร มีเนื้อที่ 20 ไร่ ภูมิประเทศเป็นเนินเขาที่ค่อยๆ ลาดลงสู่ทะเล มีส่วนที่เป็นสวนพฤกษศาสตร์จัดเป็นสวนหินปลูกไม้ดอกไม้ประดับ รวบรวมพันธุ์ไม้ไทย พืชสมุนไพรและไม้ป่านานาชนิด เพื่อจัดเป็นที่อยู่สำหรับผีเสื้อ และมีบริเวณที่จัดไว้สำหรับนักท่องเที่ยวได้ชมเช่น บ้านผึ้ง เป็นบ้านไม้ไทย ภายในเป็นห้องมืดจัดแสดงการเจริญเติบโตของผึ้งในรังอย่างละเอียด พิพิธภัณฑ์แมลง จัดแสดงพันธุ์แมลงทั้งพันธุ์ไทยและพันธุ์ต่างประเทศ สวนผีเสื้อสมุยเปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 08.00-17.30 น. อัตราค่าเข้าชมผู้ใหญ่ 120 บาท เด็ก 60 บาท รายละเอียดติดต่อ โทร. 0 7742 4020–21
เกาะอางวาง อยู่หลังอ่าวนาเทียน ทะเลบริเวณนี้มีแหล่งปะการังที่อุดมสมบูรณ์ นักท่องเที่ยวที่ต้องการเช่าเรือท้องกระจกและอุปกรณ์ดำน้ำ สามารถติดต่อได้ที่ โรงแรมเซ็นทรัล สมุย วิลเลจ โทร. 0 7742 4024
ศูนย์ลิงสมุย ตั้งอยู่บริเวณทางเข้าหมู่บ้านเขาพระ หมู่ที่ 1 ตำบลบ่อผุด มีการแสดงวัฒนธรรมพื้นบ้านไทยและการแสดงการฝึกลิงเปิดแสดงทุกวันๆ ละ 3 รอบ คือ 10.30 น. 14.00 น. และ 16.00 น. อัตราค่าเข้าชม ชาวไทยและชาวต่างประเทศ ผู้ใหญ่ 150 บาท เด็ก 50 บาท รายละเอียดติดต่อ โทร. 0 7724 5140
พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำสมุยและสวนเสือ อยู่ที่อ่าวแหลมเส็ต มีการแสดงสัตว์น้ำหลากชนิดที่น่าสนใจ เสือเบงกอล เสือดาว เปิดให้เข้าชมเวลา 09.00 น.- 18.00 น. ค่าเข้าชม คนไทย 100 บาท ชาวต่างประเทศ 250 บาท เด็ก 150 บาท รายละเอียด โทร. 0 7742 4017-8 โทรสาร 0 7742 4019
ฟาร์มจระเข้ ตั้งอยู่ภายในแค้มป์ช้าง บริษัท หน้าเมือง ซาฟารี ปาร์ค มีการแสดงจระเข้ วันละ 2 รอบ เวลา 11.00 น. และ 14.00 น. ค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 250 บาท เด็ก 120 บาท
แหล่งดูปะการัง อยู่บริเวณชายฝั่งของเกาะสมุย รวมทั้งที่อยู่ติดกับเกาะอื่นๆ เช่น เกาะเต้าปน เกาะส้ม เกาะมัดหลัง เกาะนาเทียน และเกาะราหิน การเช่าเรือ และอุปกรณ์ดำน้ำติดต่อที่บังกะโลและบริษัทนำเที่ยวบนเกาะสมุย
เกาะแตน ตั้งอยู่ที่หมู่ที่ 2 ตำบลตลิ่งงาม บริเวณตอนใต้ของเกาะสมุย เป็นเกาะที่งดงามด้วยธรรมชาติอันเงียบสงบ ชายหาดยาวทิวมะพร้าวเรียงราย ทางฝั่งตะวันออกของเป็นชายหาดยาวขนานกับแนวปะการังชายฝั่ง เรียกว่า อ่าวออก ส่วนฝั่งตะวันตกเป็นอ่าวปิด มีป่าชายเลนไม่กว้างนักและหาดหิน เรียกว่า อ่าวตก มีแนวปะการังและชายฝั่งที่ค่อนข้างสมบูรณ์ สิ่งที่น่าสนใจบนเกาะนี้คือไม่มีสุนัขอาศัยอยู่บนเกาะ มีการสันนิฐานกันหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นเพราะเป็นเกาะศักดิ์สิทธิ์ หรือเทพารักษ์ไม่ต้องการสุนัข หรือการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ เช่น เกาะแตน มีคลื่นเสียง สนามแม่เหล็ก หรือเชื้อโรคบางอย่างที่เป็นอันตรายต่อสุนัข เป็นต้น จนไม่มีใครกล้าจะนำสุนัขมาลองเลี้ยงดู เพราะไม่เคยมีสุนัขตัวไหนมีชีวิตอยู่รอดได้ นอกจากนั้นบริเวณเกาะใกล้เคียง เช่น เกาะมัดสุม เกาะมดแดง มีแนวปะการังน้ำตื้นที่สวยงามสามารถดำน้ำตื้นได้ บนเกาะมีที่พักบริการ
นอกจากความสมบูรณ์ของป่าและธรรมชาติบนเกาะแล้ว เกาะแตนยังมีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ 4 เส้นทาง ซึ่งทุกเส้นทางนักท่องเที่ยวจะเห็นความแตกต่างของสภาพภูมิประเทศและความเป็นอยู่ของชาวเกาะแตน โดยเฉพาะ 3 เส้นทางแรกจะได้พบกับนกหลากชนิดที่อาศัยอยู่บนเกาะแตน จึงควรที่จะเตรียมกล้องส่องดูนก กล้องถ่ายรูป และสมุดบันทึกติดตัวไปด้วยเพื่อเป็นการบันทึกความทรงจำและความประทับใจที่ได้พบ สำหรับเส้นทางที่ 4 เป็นเส้นทางทางทะเล จะได้พบความสวยงามของใต้ทะเลและชายฝั่งของเกาะแตนทั้งบนบกและในน้ำ เส้นทางทั้ง 4 เส้นทาง ได้แก่
1. เส้นทางศึกษาธรรมชาติสายตะวันตก เป็นเส้นที่จะแสดงให้เห็นความเป็นมาในการใช้พื้นที่ และความเป็นมาของชุมชนในอดีต รวมทั้งจะได้เห็นและเรียนรู้ระบบนิเวศป่าชายเลน เป็นการเปลี่ยนบรรยากาศสภาพป่าบกสู่พื้นที่ชุ่มน้ำ (พรุและป่าชายเลน) ลงสู่ชายฝั่งทะเล (เชื่อมกับเส้นทางสายที่ 4) เส้นทางนี้ชาวบ้านใช้เป็นเส้นทางเชื่อมระหว่างอ่าวออกและอ่าวตกในปัจจุบัน สามารถเดินเป็นวงกลม ระยะทาง 3,100 เมตร มีจุดศึกษาธรรมชาติ และจุดพักผ่อนประมาณ 13 จุด เส้นทางเดินสะดวกเป็นพื้นราบและโล่ง และอาจจะได้พบนกต่าง ๆ จึงควรเตรียมกล้องส่องดูนก กล้องถ่ายรูป และสมุดบันทึกติดตัวไปด้วย
2. เส้นทางศึกษาธรรมชาติสายใต้ เป็นเส้นทางสายเขาเคี่ยม ซึ่งเป็นยอดเขาสูงที่สุดของเกาะ ระยะทาง 1,400 เมตร โดยเริ่มเดินจากท่าเรืออ่าวออกไปสำนักสงฆ์บ้านเกาะแตน (วัดบ่อม่วง) ขึ้นเขาเคี่ยม และไปสิ้นสุดที่ผาพม่านี้ เส้นทางเดินค่อนข้างมีต้นไม้รกทึบ ทางลาดชัน ใช้เวลาเดินประมาณ 5-6 ชั่วโมง ตามเส้นทางแสดงให้เห็นสภาพป่าดิบแล้งในภาคใต้ ที่เคยถูกทำลายเพื่อทำการกสิกรรม ปัจจุบันป่าเริ่มฟื้นสภาพกลับมาอีกครั้งหนึ่ง
3. เส้นทางศึกษาธรรมชาติสายเหนือ เป็นเส้นทางภายในชุมชนอ่าวออกบ้านเกาะแตน จากท่าเรือ (คอรัลบีช บังกะโล) ถึงเชิงเขาตีน ระยะทาง 3,200 เมตร เส้นทางนี้จะได้สัมผัสสภาพชุมชนเกาะแตนและสภาพธรรมชาติ พันธุ์ไม้และสวนผสมของชุมชนอ่าวออก เป็นเส้นทางเดินที่สะดวกสบายที่สุด
4. เส้นทางศึกษาธรรมชาติทางทะเล เป็นเส้นทางที่ศึกษาชายฝั่งรอบเกาะ ให้ผู้สนใจได้สัมผัสชีวิตสัตว์น้ำ พืชน้ำและปะการังสวยงาม ตลอดจนสภาพธรรมชาติใต้ท้องทะเลเกาะแตน ระยะทาง 14 กิโลเมตร เป็นเส้นทางรอบเกาะ จากอ่าวออกไปอ่าวตก ผ่านแหลมหัวไทร หาดหินก้อน แหลมหินทั่ง และหาดไตจีน อ่าวตก แหลมหัวกรวด เกาะมดแดง หาดหน้าหลัก ผาแดง แหลมเทียน แล้วกลับมาที่อ่าวออกเป็นวงกลม เส้นทางนี้ต้องเดินทางด้วยเรือหางยาว ในช่วงลมสงบและเหมาะที่จะดำน้ำ การศึกษาควรจะเตรียมอุปกรณ์ เช่น หน้ากากดำน้ำ ชูชีพ และกล้องถ่ายรูปใต้น้ำ เพื่อจะได้เก็บความประทับใจกลับบ้าน
การเดินทางไปเกาะแตน สามารถเดินทางได้จากเกาะสมุย โดยเช่าเรือหางยาว จากบริเวณอ่าวท้องกรูด ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที
อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง เป็นอุทยานแห่งชาติทางทะเลแห่งที่สอง ประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติ เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2523 อยู่ห่างจากเกาะสมุยไปทางทิศตะวันตกประมาณ 20 กิโลเมตร มีเนื้อที่ประมาณ 63,750 ไร่ เป็นพื้นดินเพียง 50 ตารางกิโลเมตร นอกนั้นเป็นพื้นน้ำ ประกอบด้วยเกาะต่างๆ 42 เกาะ ส่วนมากเป็นเกาะหินปูน เกาะที่สำคัญได้แก่ เกาะวัวตาหลับ เกาะพะลวย เกาะวัวจิ๋ว เกาะแม่เกาะ เกาะสามเส้า เกาะไผ่ลวก เกาะคา เกาะหินดับ เกาะวัวกันตัง ฯลฯ หมู่เกาะนี้เดิมเป็นเขตหวงห้ามของทหารเรือ แต่ก็ได้มีราษฎรอพยพไปตั้งบ้านเรือน โดยประกอบอาชีพทำสวนมะพร้าว จับปลา และเก็บรังนก (บนเกาะมีสัมปทานรังนกนางแอ่น) โดยขึ้นอยู่หมู่ที่ 6 ตำบลอ่างทอง อำเภอเกาะสมุย
สถานที่น่าสนใจภายในอุทยานฯ
เกาะวัวตาหลับ เป็นที่ตั้งของที่ทำการอุทยานแห่งชาติ ด้านหน้าที่ทำการเป็นหาดทรายขาวสะอาดและใกล้ที่ทำการอุทยานฯมี ถ้ำบัวโบก ภายในถ้ำมีหินงอกหินย้อยรูปร่างคล้ายบัวบาน ถัดไปมีทางเดินขึ้นไปยัง จุดชมวิว บนยอดเขา ระยะทางเดินประมาณ 400 เมตร ซึ่งจะมองเห็นหมู่เกาะอ่างทองทอดตัวเรียงรายเป็นแนวยาวไปบนพื้นน้ำสีครามเป็นทัศนียภาพที่สวยงาม
ทะเลใน หรือทะเลสาบกลางภูเขา อยู่บนเกาะแม่เกาะเป็นปรากฏการณ์ทางธรณีวิทยาโดยเกิดจากแอ่งหินปูนที่ยุบตัว ทะเลในมีลักษณะเป็นวงรี กว้าง 250 เมตร ยาว 350 เมตร ลึก 7 เมตร มีเนื้อที่ประมาณ 30 ไร่ นั่งเรือยนต์จากที่ทำการอุทยานฯไปประมาณ 15 นาที และเดินเท้าตามทางเดินสู่จุดชมวิวอีก 400 เมตร จะเห็นทัศนียภาพอันน่าตื่นตาตื่นใจของทะเลในสีเขียวมรกต รวมทั้งเห็นทิวทัศน์ที่สวยงามของทะเลเปิดซึ่งโอบรอบด้วยโขดเขาและแมกไม้ปกคลุม
เกาะสามเส้า ตั้งอยู่ตรงกันข้ามกับเกาะแม่เกาะเป็นแหล่งปะการังและดอกไม้ ทะเลที่สวยงามยาว 1 กิโลเมตร มีสะพานหินธรรมชาติยื่นโค้งออกไปในทะเล จากเกาะสามเส้าจะมองเห็นประติมากรรมธรรมชาติคล้ายปราสาทหินตั้งตระหง่านอยู่บนยอดเขาของเกาะแม่เกาะ นักท่องเที่ยวสามารถกางเต็นท์พักแรมบนเกาะได้ แต่ต้องเตรียมอาหารและน้ำจืดมาเอง
เกาะท้ายเพลาและเกาะวัวกันตัง อยู่เลยจากเกาะแม่เกาะไปทางเหนือ เป็นจุดที่มีแนวปะการังที่สวยที่สุดแห่งหนึ่ง
เกาะหินดับ เป็นเกาะที่มีหาดทรายสวยงามและยาวที่สุดในอุทยานฯ สภาพรอบเกาะสวยงามประกอบ ด้วยแนวหินที่มีรูปร่างคล้ายแผ่นหินบาง ๆ ซ้อนขึ้นมาเหมือนประติมากรรม
ที่พัก อุทยานฯ มีบริการบ้านพัก และสถานที่กางเต็นท์บริการนักท่องเที่ยว รายละเอียดติดต่อ อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง โทร. 0 7728 6025, 0 7742 0225
การเดินทาง จากเกาะสมุยจะมีเรือโดยสาร ออกจากท่าเรือหน้าทอน เวลา 08.30 น. ขากลับเรือออกจากหมู่เกาะอ่างทอง เวลา 15.00 น. ใช้เวลาเดินทาง 2 ชั่วโมง และบริษัททัวร์มีบริการนำเที่ยวหมู่เกาะอ่างทองแบบไปเช้า-เย็นกลับรวมค่าอาหารเช้า กลางวัน เรือออกเวลา 08.30 น.และกลับเวลา 17.30น. ติดต่อบริษัท แอร์ซี จำกัด ค่าเรือราคา 550 บาท ไม่รวมค่ารถรับส่ง และราคา 650 บาท รวมราคารถรับส่ง เรือออกจากท่าบ่อผุด โทร. 0 7742 2262-3 โทรสาร 0 7742 2263 หรือ บริษัท ไฮเวย์ แทรเวิล จำกัด
เรือออกจากท่าหน้าทอน โทร. 0 7742 1290, 0 7742 1285 โทรสาร 0 7742 1290

เกาะพะงัน อยู่ห่างจากเกาะสมุยไปทางทิศเหนือ ประมาณ 20 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที และอยู่ห่างตัวจังหวัด 100 กิโลเมตร เกาะพะงันมีเนื้อที่ 170 ตารางกิโลเมตร เป็นหนึ่งในจำนวน 48 เกาะที่ตั้งอยู่ในช่องอ่างทอง ภูมิประเทศของเกาะพะงันมีภูเขาอยู่ตรงกลางเกาะ ทอดตัวจากทิศเหนือจดทิศใต้ มีที่ราบทางด้านทิศตะวันตกของเกาะ ส่วนทางทิศตะวันออกเป็นเทือกเขาจดทะเล บางแห่งก็มีอ่าวเล็กอ่าวน้อยเรือเข้าจอดได้เป็นบางฤดู ช่วงมรสุมตั้งแต่เดือนตุลาคม ถึงเดือนมกราคม จะมีลมตะวันออกพัดผ่านซึ่งไม่เหมาะแก่การเดินทางท่องเที่ยว เกาะพะงันมีชายหาดขาว น้ำทะเลใสน่าเล่นน้ำหลายหาด ร่มรื่นด้วยทิวไม้ริมชายหาด ความเงียบสงบของชายหาดต่าง ๆ บนเกาะเป็นเสน่ห์ที่นักท่องเที่ยวจะได้พบ
เกาะพะงัน เป็นเกาะที่มีผู้คนอาศัยอยู่เป็นเวลาช้านาน สันนิษฐานว่าพวกแรกที่มาอยู่บนเกาะพะงันน่าจะเป็นแขกจากมลายูที่อยู่แถบจังหวัดนครศรีธรรมราชหรือไม่ก็เป็นพวกแขกที่มาจากปัตตานีมาอาศัยทำการประมงเป็นหลัก โดยสังเกตจากชื่อของเกาะและสถานที่บางแห่งบนเกาะ
การเดินทางไปเกาะพะงัน
สุราษฎร์ธานี-เกาะพะงัน
1. เรือเฟอร์รี่ ของบริษัท ราชาเฟอร์รี่ ออกจากท่าเรือดอนสัก ไปเกาะพะงัน เวลา 10.00 น. 14.00 น. และ 18.00 น. ถึงเกาะพะงัน เวลา 12.30 น. 16.30 น. และ 20.30 น.
2. เรือด่วน ของบริษัท ส่งเสริม รุ่งเรือง ออกจากสุราษฎร์ธานี วันละ 1 เที่ยว เวลา 08.00 น. ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง
3. เรือนอน ติดต่อได้ที่ท่าเรือบ้านดอน เรือออกเวลา 23.00 น. ถึงเกาะพะงัน เวลา 06.00 น. ใช้เวลาประมาณ 6 ชั่วโมง
เกาะสมุย-เกาะพะงัน
เรือด่วน บริษัท ส่งเสริม รุ่งเรือง ออกจากท่าเรือหน้าทอน วันละ 3 เที่ยว เวลา 09.00 น. 11.00 น. และ 17.00 น. ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง สอบถามข้อมูล โทร. 0 2280 7897 สำนักงานเกาะสมุย โทร. 0 7742 0157
สถานที่น่าสนใจบนเกาะพะงัน
ท้องศาลา เป็นชุมชนที่ใหญ่ที่สุดของอำเภอเกาะพะงัน เป็นศูนย์กลางของการติดต่อค้าขายของธุรกิจต่างๆ และเป็นที่ตั้งของท่าเรือโดยสารสำหรับการเดินทางไปสุราษฎร์ธานี เกาะสมุย เกาะเต่า มีธนาคาร บริษัทนำเที่ยว โรงแรม ร้านอาหาร ท่าจอดรถสองแถว
อุทยานแห่งชาติน้ำตกธารเสด็จ เดิมชื่อวนอุทยานน้ำตกแพง มีพื้นที่ 41,250 ไร่ รวมพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าเกาะพะงัน และพื้นที่ป่าที่อยู่นอกเขตป่าสงวนแห่งชาติ รวมทั้งเกาะต่างๆ ที่อยู่รอบเกาะพะงัน อุทยานฯ ยังคงสภาพของป่าที่สมบูรณ์ มีพืชหลากหลายชนิด และมีกล้วยไม้ที่ลำต้นใหญ่ที่สุดในโลก ได้แก่ เพชรหึงหรือว่านหางช้าง โดยลำต้นที่มีความสูงกว่าสามเมตร เมื่อออกดอกก้านช่อดอกมีความยาวกว่าสองเมตร ดอกใหญ่ประมาณ 10 เซนติเมตร กลีบดอกสีเขียวจนถึงเหลืองทอง และมีแต้มสีน้ำตาลแดงกระจายไปทั่ว ความสมบูรณ์ของป่าทำให้มีสัตว์ป่าอาศัยอยู่หลายชนิด อาทิ กวางป่า หมูป่า ค่างแว่นถิ่นใต้ และชะมด รวมทั้งนกต่าง ๆ อุทยานฯ มีต้นไม้ที่เป็นสัญลักษณ์คือ ต้นพะงาหรือต้นวา มียอดเขาที่สูงที่สุดคือยอดเขาหรา สูง 627 เมตร เป็นแหล่งต้นน้ำที่สำคัญของเกาะพะงัน สภาพอากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี การเดินทาง สามารถเช่ารถจากหาดท้องศาลาซึ่งอยู่ห่างจากอุทยานฯ 5 กิโลเมตร
สถานที่น่าสนใจภายในอุทยานฯ
น้ำตกแพง เป็นที่ตั้งที่ทำการอุทยานฯ เป็นน้ำตกที่สวยงามมีหลายชั้น เช่น แพงน้อย ธารน้ำรัก ธารกล้วยไม้ เป็นหนึ่งในสายธารเล็ก ๆ ของสายน้ำตกแพง (แพง ภาษาถิ่นหมายถึง เพิงหินเล็ก ๆ ที่ลดหลั่นอันแสดงถึงความชุ่มชื้นของผืนป่า) ที่มีน้ำไหลตลอดปีที่แสดงถึงความสมบูรณ์ของผืนป่า และมีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ น้ำตกแพง-จุดชมวิวโดมศิลา ระยะทาง 2.5 กิโลเมตร ใช้เวลา 1 ชั่วโมง เป็นเส้นทางที่เดินเลียบน้ำตก ทางชันเล็กน้อย ในเส้นทางจะพบพรรณไม้ต่าง ๆ ลำธารและน้ำตก ที่ยังคงความเป็นธรรมชาติ รวมทั้งกล้วยไม้เพชรหึง กล้วยไม้ที่เป็นสัญลักษณ์ของอุทยานฯ อีกด้วย
จุดชมวิวโดมศิลา อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ 500 เมตร เป็นจุดชมวิว และชมพระอาทิตย์ตกที่สวยงาม
น้ำตกธารเสด็จ อยู่ตำบลบ้านใต้ เป็นน้ำตกที่รัชกาลที่ 5 เคยเสด็จประพาสและได้พระราชทานนามไว้ อีกทั้งเป็นน้ำตกที่ทรงโปรดมาก โดยได้เสด็จประพาสถึง 14 ครั้งตลอดรัชกาล นอกจากนั้น รัชกาลที่ 6 รัชกาลที่ 7 พร้อมพระมเหสี และรัชกาลที่ 9 ก็เคยเสด็จประพาส และได้จารึกพระปรมาภิไธยย่อไว้ที่ก้อนหินบริเวณน้ำตกทุกพระองค์ การเดินทางไปน้ำตกธารเสด็จ สามารถไปได้ทั้งทางเรือและทางรถ หากเดินทางโดยทางเรือ เมื่อเริ่มเข้าอ่าวธารเสด็จจะพบความงามของภูเขาโขดหินที่มีรูปร่างแปลกๆ และหาดทรายสีขาว เมื่อขึ้นจากเรือแล้วเดินไปไม่ไกลนักจะพบกับลำธารมีกระแสน้ำไหลผ่านปะทะแก่งหินที่มีอยู่มากมาย ทำให้เกิดเสียงดังตามความเร็วของกระแสน้ำ ช่วงเดือนตุลาคม-มกราคม ไม่สามารถนั่งเรือไปน้ำตกได้ และถ้าเป็นทางรถจะต้องเป็นรถที่มีสมรรถนะสูงจึงจะสามารถเดินทางไปได้ แต่ถ้าเป็นหน้าฝนการเดินทางจะลำบากมาก เพราะทางที่ผ่านจะเป็นทางลาดชันตลอดและเป็นภูเขาสูง การเดินทางจึงต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ
อุทยานฯ ไม่มีบ้านพักบริการ แต่มีเต็นท์ให้เช่าหรือจะนำเต็นท์มาเองก็ได้ สอบถามเพิ่มเติมติดต่อ อุทยานแห่งชาติน้ำตกธารเสด็จ-เกาะพะงัน ตู้ ป.ณ.1 อำเภอเกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี 84280 โทร. 0 7723 8275
พระพุทธบาทจำลองบนภูเขาวัดมธุรวราราม (วัดมะเดื่อหวาน) อยู่ที่หมู่ที่ 3 ตำบลเกาะพะงัน บนยอดเขานี้มีมณฑปพระพุทธบาทจำลอง จากเชิงเขาจะมีบันไดขึ้นไปนมัสการพระพุทธบาทนับว่าสะดวกสบายมาก สำหรับพระพุทธบาทแห่งนี้ จะมีงานประเพณีนมัสการเป็นประจำทุกปี การเดินทาง สามารถเดินทางโดยรถสองแถวจากท้องศาลา ระยะทาง 3 กิโลเมตร ค่าโดยสารคนละ 20 บาท
ต้นยางใหญ่ เป็นต้นยางขนาดใหญ่มาก มีเส้นรอบวงประมาณ 14 เมตร ตั้งอยู่ที่ตำบลบ้านใต้ ห่างจากที่ว่าการอำเภอ 5 กิโลเมตร ใช้บริการรถสองแถววิ่งระหว่างท้องศาลา-บ้านค่าย ค่าโดยสารคนละ 20-30 บาท
วัดเขาถ้ำ (สวนสุวรรณโชติการาม) ตั้งอยู่บนยอดเขาข้าวแห้ง หมู่ 1 ตำบลบ้านใต้ เป็นสำนักสงฆ์ที่มีผู้นิยมมานั่งวิปัสนาทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ ในช่วงเดือนกันยายน-พฤศจิกายน บริเวณวัดร่มรื่นสวยงาม อากาศเย็นสบาย ภายในมีพระพุทธบาทจำลองและพระพุทธรูปปางป่าเลไลยก์ และรูปปั้นพระแม่ธรณีบีบมวยผม เมื่อขึ้นไปบนเนินหินสูงที่สร้างมณฑปจะสามารถมองเห็นทิวทัศน์รอบเกาะได้ ส่วนทางไหล่เขาด้านหลังมีสิ่งที่น่าสนใจคือเพิงหินซึ่งมีลักษณะเป็นคูหา
การเดินทาง สามารถเดินทางไปโดยการเช่าเหมารถยนต์และรถจักรยานยนต์จากท้องศาลา ระยะทางจากท้องศาลาไปถึงปากทางขึ้นวัดเขาถ้ำ ระยะทาง 3 กิโลเมตร และจากปากทางขึ้นไปบนวัดเขาถ้ำอีก 1 กิโลเมตร
หาดริ้น ตั้งอยู่หมู่ที่ 4 ตำบลบ้านใต้ ห่างจากที่ว่าการอำเภอประมาณ 12 กิโลเมตร เป็นชายหาดที่สวยและมีชื่อเสียงของเกาะพะงัน ความยาวของหาดประมาณ 2 กิโลเมตร สามารถเดินทางไปหาดริ้นโดยเรือหางยาวจากท้องศาลาและจากบ้านค่าย ค่าเรือประมาณคนละ 30 บาท และ 20 บาทตามลำดับ ส่วนทางรถยนต์จากท้องศาลา ค่าโดยสาร 50 บาท นอกจากเป็นหาดที่สวยแล้วยังมีกิจกรรมที่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาตินิยมมาชุมนุมกันในวันพระจันทร์เต็มดวง เรียกว่า ฟูลมูน ปาร์ตี้ ซึ่งจะมีนักท่องเที่ยวจำนวนนับพันคนมาเต้นรำกันอย่างสนุกสนานจนมีชื่อเสียงดังไปทั่วโลก
อ่าวท้องนายปาน ตั้งอยู่หมู่ที่ 5 ตำบลบ้านใต้ ห่างจากตัวอำเภอประมาณ 23 กิโลเมตร เป็นชายหาดที่สวยอันดับสองรองจากหาดริ้น สามารถเดินทางไปอ่าวท้องนายปานได้ทั้งทางเรือและทางรถยนต์ แต่ถ้าเป็นฤดูฝนจะเดินทางได้เฉพาะทางเรือเท่านั้น การเดินทางจากท้องศาลา ค่าโดยสารรถสองแถวคนละ 80 บาท ส่วนค่าเรือตามแต่ตกลงราคา
บ้านโฉลกหลำ เป็นอ่าวอยู่ทางทิศเหนือของเกาะพะงัน เป็นอ่าวลึกกำบังคลื่นลมในบางฤดูได้เป็นอย่างดี แต่บางฤดูคลื่นลมจัดมากเรือเข้าจอดเทียบท่าไม่ได้ เวลาคลื่นลมสงบจะมีเรือประมงเข้ามาจอดเป็นจำนวนมาก พ่อค้าแม่ค้าจะตั้งร้านจำหน่ายสินค้าต่างๆ เช่นเดียวกับในตลาดใหญ่ สินค้าที่มีชื่อที่นักท่องเที่ยวสามารถซื้อกลับไปฝากคนที่อยู่ทางบ้านคือปลาหมึกตากแห้ง การเดินทาง จากท้องศาลา ระยะทาง 15 กิโลเมตร ค่าโดยสารรถสองแถวคนละ 50 บาท
ศาลเจ้าแม่กวนอิม ตั้งอยู่หมู่ที่ 7 บ้านโฉลกหลำ ระยะทางจากท้องศาลาประมาณ 9 กิโลเมตร สร้างเสร็จเมื่อเดือนมีนาคม 2536 เมื่อขึ้นไปถึงหน้าศาลจะสามารถมองเห็นทิวทัศน์ของเกาะพะงัน นับเป็นจุดชมวิวที่สวยงามจุดหนึ่ง การเดินทาง สามารถติดต่อรถสองแถวสายท้องศาลา-บ้านโฉลกหลำ ค่าโดยสารคนละ 30 บาท
หาดแม่หาด ตั้งอยู่หมู่ที่ 7 บ้านโฉลกหลำ ห่างจากที่ว่าการอำเภอ 15 กิโลเมตร เป็นชายหาดที่สวยงามอีกหาดหนึ่งของเกาะพะงัน นักท่องเที่ยวเช่าเรือหรือนั่งรถสองแถวจากท้องศาลาได้ ค่าโดยสารคนละ 50 บาท
อ่าวศรีธนู ตั้งอยู่หมู่ที่ 8 ตำบลเกาะพะงัน ห่างจากที่ว่าการอำเภอประมาณ 10 กิโลเมตร เป็นชายหาดที่สวยเป็นอันดับสามของเกาะพะงัน แต่ถ้าเป็นหน้ามรสุมคลื่นลมจะแรงมาก ไม่สามารถลงเล่นน้ำได้ การเดินทาง สามารถนั่งรถสองแถวจากท้องศาลา ค่ารถคนละ 40 บาท