สถานที่ท่องเที่ยวในนนทบุรี

สถานที่ท่องเที่ยวนนทบุรี

ข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยวนนทบุรี

อำเภอเมือง นนทบุรี

พิพิธภัณฑ์มนุษยชาติวิทยา เป็นพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติแห่งแรกของไทย สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.2504 ตั้งอยู่ด้านหลังศาลากลางจังหวัด (หลังเก่า) แสดงความเป็นมาเกี่ยวกับโลก ชีวิตพืช สัตว์ มนุษย์ ศิลปะวัตถุโบราณ เช่น พระพุทธรูปและเครื่องลายคราม เปิด วันอังคาร-วันเสาร์ เวลา 08.30-16.30 น. (ปิดวันอาทิตย์-จันทร์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์) ไม่เสียค่าเข้าชม การเดินทาง มีรถโดยสารประจำทางผ่านหลายสาย เช่น 63, 97, 203, ปอ.9, ปอ.126 หรือสอบถามที่ โทร. 184 และ ทางเรือขึ้นที่ท่าน้ำนนทบุรี
วัดเขมาภิรตารามราชวรวิหาร ตั้งอยู่บนฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา ในเขตตำบลสวนใหญ่ ห่างจากตัวเมืองมาทางด้านใต้ประมาณ 2 กิโลเมตร ด้านหน้าของวัดติดริมฝั่งแม่น้ำ ส่วนด้านหลังติดต่อกับถนนพิบูลสงคราม พื้นที่ทั้งวัด มีประมาณ 26 ไร่เศษ เป็นพระอารามหลวงชั้นโทชนิดราชวรวิหาร สร้างขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยาเรียกว่า “วัดเขมา” ต่อมาในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์เป็นวัดที่อยู่ในสังกัดบัญชีกฐินหลวงของกรมพระราชวังบวรฯ สมัยรัชกาลที่ 2 สมเด็จพระศรีสุริเยนทรามาตย์ พระบรมราชินี ทรงขอมาอยู่ในพระบรมราชินูปถัมภ์ และทรงปฏิสังขรณ์ใหม่เรียกว่า วัดเขมา ยังไม่มีสร้อยต่อท้ายต่อมาสมัยรัชกาลที่ 4 ได้ทรงปฏิสังขรณ์ใหม่ทั้งพระอาราม และพระราชทานสร้อยนามต่อท้ายว่า “วัดเขมาภิรตาราม” ภายในวัดมีพระมหาเจดีย์ สูง 30 เมตร ตั้งอยู่ด้านหลังของโบสถ์ ภายในบรรจุพระบรม-สารีริกธาตุ พระประธานเป็นพระพุทธรูปหล่อเก่าแก่ ศิลปะสมัยอยุธยาอัญเชิญมาจากพระราชวังจันทร์เกษม ภายในวัดมีพระตำหนักแดงและพระที่นั่งมณเฑียรตั้งอยู่ด้วย การเดินทาง สามารถเดินทางโดยรถโดยสารประจำทาง สอบถามได้ที่ โทร. 184 หรือรถโดยสารสองแถวสายเรวดี-วัดปากน้ำ หรือทางเรือด่วนเจ้าพระยา โดยลงที่ท่าน้ำนนท์ แล้วต่อรถโดยสารประจำทางสาย 203 หรือโดยสารเรือข้ามฟากจากท่าน้ำบางศรีเมือง ไปฝั่งท่าน้ำนนท์แล้วต่อด้วยรถโดยสารประจำทางสาย 203
โจหลุยส์เธียเตอร์ ตั้งอยู่หลังกระทรวงสาธารณสุข เป็นโรงละครที่เชิดหุ่นละครเล็ก การเชิดหุ่นละครเล็กผู้เชิดจำเป็นต้องมีพื้นฐานทางด้านการแสดงโขนมาดัวย เนื่องจากในระหว่างที่เชิดหุ่น ผู้เชิดต้องร่ายรำตามไปด้วย และในขณะเดียวกันหุ่นหนึ่งตัวต้องใช้ผู้เชิดถึง 3 คน ทำให้หุ่นเคลื่อนไหวเหมือนมีชีวิต เรื่องราวที่นำมาแสดงเป็นเรื่องรามเกียรติ์ ปัจจุบันมีคณะสาครนาฏศิลป์เพียงคณะเดียวที่ยังสืบสานศิลปะนี้ต่อ
โจ หลุยส์ หรือ ครูสาคร ยังเขียวสด ผู้ชุบชีวิตหุ่นละครเล็กมิให้หายไปตามกาลเวลา ได้รับการประกาศให้เป็นศิลปินแห่งชาติเมื่อปี พ.ศ. 2539
วัดสังฆทาน สันนิษฐานว่าเดิมชื่อวัดศาริโข สร้างขึ้นในราวสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย พระประธานคือหลวงพ่อโตซึ่งเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ต่อมาได้กลายเป็นวัดร้างแต่ชาวบ้านในละแวกใกล้เคียงและที่อื่น ๆ ยังคงมาสักการะบูชาองค์หลวงพ่อโตมิได้เสื่อมคลาย ชาวบ้านจึงต้องนิมนต์พระจากละแวกใกล้เคียงมาเพื่อถวายสังฆทานจนถูกเรียกขานกันติดปากว่า “วัดสังฆทาน” วัดนี้มีลักษณะแบบสำนักป่ามีธรรมชาติรอบข้างร่มรื่นเหมาะแก่ผู้ประสงค์จะเจริญภาวนา มีกุฏิแปลกกว่าที่อื่น คือ เป็นรูปเรือ มีโครงการบวชเนกขัมมะ (สตรีผู้ถือศีล 8)
วัดเฉลิมพระเกียรติ เป็นพระอารามหลวง ตั้งอยู่ริมฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา รัชกาลที่ 3 ทรงสร้างขึ้นเพื่อถวายพระอัยกา พระอัยกี และ พระราชชนนี มาแล้วเสร็จในสมัยรัชกาลที่ 4 ภายในเขตพระอารามมีความสงบ ร่มรื่นมาก ส่วนที่เข้าไปชมได้คือบริเวณพระอุโบสถ เป็นศิลปะแบบพระราชนิยมในรัชกาลที่ 3 (เป็นศิลปะที่ได้รับอิทธิพลจากจีนมาผสม)
อุทยานกาญจนาภิเษก ถัดจากวัดเฉลิมพระเกียรติ มีเนื้อที่ประมาณ 100 ไร่ กรมธนารักษ์เป็นผู้จัดสร้างขึ้นด้วยงบประมาณ 900 ล้านบาท เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในวโรกาสทรงครองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี และเพื่อเป็นที่พักผ่อน ของประชาชน และเป็นศูนย์รวมพันธุ์ไม้น้ำ ไม้ชายน้ำ พืชสวน และสัตว์น้ำชนิดต่างๆ เปิดให้เข้าชมทุกวันระหว่างเวลา 6.00-18.00 น. โดยไม่เสียค่าเข้าม
วัดโชติการาม ตั้งอยู่ที่ตำบลบางไผ่ เดิมชื่อวัดสามจีน สร้างเมื่อประมาณ พ.ศ. 2350 ซุ้มประตูหน้าต่างที่พระอุโบสถเป็นลวดลายปูนปั้นประดับเครื่องถ้วยลายครามและเบญจรงค์ บานประตูวิหารเป็นไม้จำหลักรูปเซี่ยวกางสวยงามมาก การเดินทาง ใช้เส้นทางเดียวกับทางไปวัดสังฆทาน โดยมีป้ายชี้บอกตลอดทาง
วัดปราสาท สร้างในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช (อยุธยาตอนปลาย) ที่หน้าบันพระอุโบสถเป็นไม้สักสลักรูป นารายณ์ทรงครุฑ (ปัจจุบันตัวครุฑถูกขโมยไปแล้ว) เครื่องบนเป็นไม้สักประดับด้วยรวยมอญ (ตัวไม้แกะสลักที่ทอดตัวลงมาบนหัวแปตอนหน้าจั่ว เป็นศิลปะมอญ) ตรงหุ่นนก (สามเหลี่ยม ข้างรวยมอญ) เป็นรูปราชสีห์และคชสีห์ลักษณะทางสถาปัตยกรรม เป็นโบสถ์แบบมหาอุดไม่มีการเจาะฝาผนังเลย ฐานพระอุโบสถเป็นแบบตกท้องช้างหรือท้องสำเภา
ตลาดน้ำวัดแสงสิริธรรม ตั้งอยู่ที่ถนนรัตนาธิเบศน์-ตลาดท่าอิฐ ตำบลท่าอิฐ อำเภอปากเกร็ด เป็นโครงการส่งเสริมให้ผู้ผลิตสินค้ารอบบริเวณวัดและเกาะเกร็ดได้มีโอกาสนำสินค้ามาแสดงและจำหน่าย และเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของนักท่องเที่ยว สอบถามรายละเอียด โทร. 0 2962 5391ม 0 2584 4778 (ข้อมูลเมื่อ ตค. 44 สำรวจก่อนลงเอกสาร)
วัดชมภูเวก ตั้งอยู่ในเขตตำบลท่าทราย ริมถนนสายสนามบินน้ำ-นนทบุรี ชาวมอญในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลายเป็นผู้สร้างขึ้นประมาณ พ.ศ. 2300 จิตรกรรมฝาผนังในโบสถ์หลังเก่าเป็นภาพพุทธประวัติและทศชาติ และประดิษฐานพระประธานสมัยสุโขทัย พระพุทธรูปยืน 2 องค์ นอกจากนี้ภายในบริเวณวัด ยังมีพระเจดีย์รามัญ เรียกว่า “พระมุเตา” สร้างโดยพระสงฆ์จากเมืองมอญ เมื่อ พ.ศ.2460 สันนิษฐานว่าภายในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ การเดินทาง รถโดยสารประจำทางที่ผ่าน ได้แก่ สาย 69 สอบถามเพิ่มเติมที่ โทร. 184 หรือรถสองแถวเล็กจากท่าสะพานพระนั่งเกล้า
วัดตำหนักใต้ ตั้งอยู่บนถนนสนามบินน้ำ หมู่ 4 ตำบลท่าทราย เป็นวัดเก่าแก่ตามประวัติกล่าวว่าก่อนที่จะสร้างวัด พื้นที่นี้เคยเป็นพลับพลาที่ประทับชั่วคราวของพระเจ้ากรุงธนบุรี และจากหลักฐานที่ยังคงเหลืออยู่สันนิษฐานว่าวิหารและหอระฆังสร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.2367 ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 พระประธานเป็นปางมารวิชัยสมัยสุโขทัย

อำเภอปากเกร็ด นนทบุรี

วัดกู้ ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ตำบลบางพูด ห่างจากอำเภอปากเกร็ดไปทางด้านทิศเหนือประมาณ 3 กิโลเมตร เป็นบริเวณที่เรือพระที่นั่งของสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระมเหสีในรัชกาลที่ 5 ประสบอุบัติเหตุเรือล่มสิ้นพระชนม์ วัดนี้สร้างในสมัยพระเจ้ากรุงธนบุรี เป็นศิลปะแบบมอญ มีพระตำหนักที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์สถานที่สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ สิ้นพระชนม์เพราะเรือล่มแล้วอัญเชิญพระศพมาไว้ที่วัดนี้ชั่วคราว มีศาลพระนางเรือล่ม (พระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์) ซึ่งจำลองแบบจากศาลาจตุรมุขของพระราชวังบางปะอิน(พระที่นั่งไอศวรรย์ทิพยอาสน์)
นอกจากนั้นยังมีภาพจิตรกรรมฝาผนังแบบมอญอยู่ด้านในของโบสถ์หลังเก่า เป็นภาพเขียนสีน้ำมันเรื่องราวพุทธประวัติ มีพระนอนองค์ใหญ่ซึ่งด้านหลังเป็นที่เก็บเรือพระที่นั่งของพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ที่อับปางซึ่งชาวบ้านได้กู้ขึ้นมา การเดินทาง โดยรถยนต์ จากท่าน้ำปากเกร็ดเลี้ยวซ้ายเข้าซอยวัดกู้มาตามถนนสุขาประชาสรรค์ ผ่านวัดบางพูดนอก สวนทิพย์ ห้องอาหารศรีไทยเดิม รวมระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตร จะเห็นวัดกู้อยู่ด้านซ้ายมือ หรือเช่าเรือจากท่าน้ำปากเกร็ดแล่นมาทางเหนือใช้เวลาประมาณ 10 นาที จะเห็นท่าน้ำวัดกู้อยู่ทางขวามือ
วัดชลประทานรังสฤษดิ์ ตั้งอยู่ที่ตำบลบางตลาด ริมถนนสายนนทบุรี - ห้าแยกปากเกร็ด ภายในวัดมีความกว้างขวางร่มรื่น เป็นสถานเผยแพร่และศึกษาพระธรรม มีลานไผ่เอนกประสงค์ที่ชาวพุทธโดยทั่วไปจะมารวมกันเป็นจำนวนมากเพื่อประกอบพิธีกรรมทางศาสนา และฟังธรรมจากพระเทพวิสุทธิเมธี (ปัญญานันทภิกขุ) เจ้าอาวาส ในทุกวันอาทิตย์และวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา
สวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ เป็นสวนสาธารณะมีเนื้อที่ประมาณ 102 ไร่ ตั้งอยู่บริเวณหนองปรือ ตำบลบ้านใหม่ มีบึงน้ำขนาดใหญ่รายรอบด้วยหมู่แมกไม้ที่ร่มรื่นและเงียบสงบ มีสวนหย่อม นาฬิกาแดด น้ำพุกลางน้ำเหมาะสำหรับเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจ อยู่ในความดูแลของสุขาภิบาล อำเภอปากเกร็ด เปิดทุกวัน ไม่เสียค่าเข้าชม การเดินทาง จากท่าน้ำปากเกร็ด ใช้เส้นทางถนนติวานนท์แล้วเลี้ยวขวาตรงสี่แยกบ้านกอนเติงเข้ามาประมาณ 2 กิโลเมตร
เกาะเกร็ด เกาะเกร็ดเกิดขึ้นจากการขุดคลองลัดแม่น้ำเจ้าพระยา ตรงส่วนที่เป็นแหลม ในสมัยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวท้ายสระ แห่งกรุงศรีอยุธยา เมื่อปี พ.ศ. 2265 เรียกว่า “คลองลัดเกร็ดน้อย” ต่อมากระแสน้ำเปลี่ยนทิศทางแรงขึ้นเซาะตลิ่งทำให้คลองขยาย แผ่นดินตรงแหลมจึงกลายเป็นเกาะ
เกาะเกร็ดมีความเจริญมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา สังเกต ได้ว่าวัดวาอารามต่างๆบนเกาะส่วนใหญ่จะเป็นศิลปะในสมัยอยุธยา แต่คงจะมาร้างคนเมื่อพม่ามายึดกรุงศรีอยุธยาได้ แต่หลังจากกอบกู้เอกราชได้ พระเจ้าตากสินมหาราชจึงโปรดให้ชาวมอญที่เข้ารีตมาตั้งถิ่นฐานที่นี่ ชาวมอญบนเกาะเกร็ดนั้นมีทั้งที่เข้ามาในสมัยกรุงธนบุรี และสมัยรัชกาลที่ 2 การคมนาคมบนเกาะจะใช้จักรยานเพื่อให้เหมาะกับขนาดของเกาะ สถานที่น่าสนใจบนเกาะ ได้แก่ วัดปรมัยยิกาวาส (วัดปากอ่าว) ในวัดนี้มีสิ่งที่น่าชมอยู่หลายอย่าง ที่ท่าเรือหน้าวัดจะพบปราสาทไม้ห้ายอดซึ่งเคยเป็นที่ตั้งเหม(โลงศพมอญ) ของอดีตเจ้าอาวาสตั้งตระหง่านอยู่ ส่วนที่พระอุโบสถมีการตกแต่งด้วยวัสดุนำเข้าจากอิตาลี ศิลปะยุโรปแบบพระราชนิยมในสมัยรัชกาลที่ 5 แต่กระนั้นพระองค์ยังรักษาธรรมเนียมเดิม โดยรับสั่งให้ที่นี่ริเริ่มสวดเป็นภาษามอญ และปัจจุบันนี้ ที่นี่เป็นวัดเดียวที่ยังเก็บรักษาพระไตรปิฏกภาษามอญไว้ พระประธานในพระอุโบสถนั้นเป็นปางมารวิชัย ฝีพระหัตถ์ของพระองค์เจ้าประดิษฐานวรการ ซึ่งเป็นผู้ที่สร้างพระสยามเทวาธิราช รัชกาลที่ 5 ทรงยกย่องว่าพระประธานนี้งามด้วยฝีพระพักตร์ดูมีชีวิตชีวาเหมือนคนจริง เอกลักษณ์มอญอีกอย่างหนึ่งของที่วัดนี้คือ เจดีย์ทรงรามัญที่จำลองแบบมาจากพระธาตุเจดีย์ มุเตา เมืองหงสาวดี ซึ่งคนมอญนับถือมาก ภายในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ พระวิหาร ประดิษฐานพระพุทธไสยาสน์สมัยอยุธยาตอนปลาย ภาพจิตรกรรมที่เพดานนั้นแปลกตากว่าที่อื่น เป็นตราเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ฝีพระหัตถ์หม่อมเจ้าประวิช ชุมสาย ด้านหลังพระวิหารประดิษฐานพระพุทธรูปประจำจังหวัดนนทบุรี “พระนนทมุนินทร์” เป็นพระพุทธรูปสมัยอยุธยาตอนปลาย ปางขัดสมาธิเพชร ประดิษฐานอยู่ในบุษบกแบบมอญ(จองพารา) สลักโดยฝีมือช่างที่นี่ ที่มุขเด็จหน้าวิหารประดิษฐานพระพุทธรูปหินอ่อน ซึ่ง ซาง ซิว ซูน ชาวพม่าถวายให้กับรัชกาลที่ 5 พระวิหารเปิดทุกวัน ตั้งแต่ 8.30-16.30 น.
นอกจากนี้ยังมีพิพิธภัณฑ์ ที่จะเปิดเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ จัดแสดงวัตถุต่างๆที่ล้วนน่าชม เช่น พระพิมพ์ เครื่องแก้ว เครื่องถ้วยชาม รวมทั้ง “เหม” ที่ พ.อ. ชาติวัฒน์ งามนิยม บรรจงสร้างขึ้นจนนับว่าเป็นงานศิลป์ ชิ้นเยี่ยมชิ้นหนึ่งเลยทีเดียว นับตั้งแต่การออกแบบโครงสร้าง การต่อลาย การตอกไข่ปลาเพื่อต่อลายบนกระดาษอลูมิเนียม ทุกชิ้นส่วนที่นำมาประกอบเป็นเหมนี้ล้วนแต่ต้องทำอย่างละเอียด ปราณีต เชื่อว่าชาวมอญคงดัดแปลงลักษณะของเหมมาจากโลงของพระพุทธเจ้าซึ่งก้นสอบปากบานข้างแคบเช่นกัน (ในพิพิธภัณฑ์แสดงภาพไว้) โลงเหมใช้กับศพแห้ง เหมพระจะมีลักษณะพิเศษกว่าตรงที่เจาะหน้าต่างมองเห็นศพด้านในได้
วัดเสาธงทอง เป็นวัดเก่าเดิมชื่อ “วัดสวนหมาก” นอกจากเป็นที่ตั้งโรงเรียนประถมแห่งแรกของอำเภอปากเกร็ดแล้ว ด้านหลังโบสถ์ยังประดิษฐานเจดีย์ที่สูงที่สุดของอำเภอปากเกร็ดด้วย พระเจดีย์เป็นศิลปะอยุธยาย่อมุมไม้สิบสอง มีเจดีย์องค์เล็กเป็นบริวารโดยรอบอีก 2 ชั้น ส่วนด้านข้างโบสถ์มีเจดีย์องค์ใหญ่อีก 2 องค์ องค์หนึ่งเป็นเจดีย์ทรงระฆังหรือทรงลังกา อีกองค์หนึ่งมีฐานเหลี่ยม ภายในโบสถ์มีลายเพดานสวยงามมากเขียนลายทองกรวยเชิงอย่างงดงาม พระประธานเป็นพระปางมารวิชัยปูนปั้นขนาดใหญ่ คนมอญเรียกวัดนี้ว่า “เพี๊ยะอาล๊าต”
วัดฉิมพลี มีโบสถ์ขนาดเล็กงดงามมาก และยังมีสภาพสมบูรณ์แบบเดิมเป็นส่วนใหญ่ หน้าบันจำหลักไม้เป็นรูปเทพทรงราชรถล้อมรอบด้วยลายดอกไม้ ซุ้มประตูเป็นทรงมณฑป ซุ้มหน้าต่างแบบหน้านาง ยังคงเห็นความงามอยู่ และฐานโบสถ์โค้งแบบเรือสำเภา
วัดไผ่ล้อม สร้างสมัยอยุธยาตอนปลาย มีโบสถ์ที่งดงามมาก ลายหน้าบันจำหลักไม้เป็นลายดอกไม้ มีคันทวยและบัวหัวเสาที่งดงามเช่นกัน หน้าโบสถ์มีเจดีย์ขนาดย่อมสององค์รูปทรงคล้ายมะเฟือง ฐานสี่เหลี่ยมย่อมุมสิบสอง ประดับลายปูนปั้น คนมอญเรียกวัดนี้ว่า “เพี๊ยะโต้”
กวานอาม่าน เป็นศูนย์วัฒนธรรมพื้นบ้านชาวมอญ จัดแสดงเครื่องปั้นดินเผามอญลายโบราณ เปิดให้ชมทุกวัน การปั้น เครื่องปั้นดินเผานั้น มีมาตั้งแต่สมัยกรุงธนบุรี นับเป็นหัตถกรรม พื้นบ้าน ที่เก่าแก่ที่สุดในจังหวัดนนทบุรี ลวดลายประณีตสวยงาม เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ และถูกนำไปเป็นตราประจำจังหวัดนนทบุรี สองข้างทางเดินบนเกาะมีบางบ้านที่ทำเครื่องปั้นดินเผา ภาชนะของใช้ ในชีวิตประจำ เช่น กระถาง ครก โอ่งน้ำ ฯลฯ สามารถเข้าไปชมได้
คลองขนมหวาน บริเวณคลองขนมหวานและคลองอื่นๆ รอบเกาะเกร็ด ชาวบ้านจะทำขนมหวาน จำพวกทองหยิบ ทองหยอด ขายส่งและยังสาธิตให้นักท่องเที่ยวได้ชมด้วย
การเดินทาง ลงเรือข้ามฟากได้สองท่า คือ ท่าเรือวัดสนามเหนือ (ไม่ไกลจากท่าน้ำปากเกร็ด) หรือท่าเรือวัดกลางเกร็ด มีเรือบริการระหว่าง 05.00-21.30 น.

อำเภอบางกรวย
วัดโพธิ์บางโอ ต้องเดินเข้าไปประมาณ 200 เมตร จากท่าเรือ มีภาพจิตรกรรมแป้งสาคูเปียกฝีมือช่างสกุลนนทบุรี ปัจจุบันชำรุดทรุดโทรมไป แต่กรมศิลปากร กำลังบูรณะอยู่ เป็นวัดเก่าในสมัยอยุธยา และได้รับการบูรณะในสมัยรัชกาลที่ 3 โดยกรมหลวงเสนีบริรักษ์ (ต้นสกุล เสนีวงศ์) พระโอรส ในกรมพระราชวังหลัง โบสถ์มีลักษณะคล้ายวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เสาย่อมุมไม้สิบสองและเอนเข้าหากัน เพื่อเป็นการรับน้ำหนักของตัวอาคาร หน้าบันเป็นเครื่องไม้จำหลัก มีลวดลายจีนแบบพระราชนิยมในสมัยรัชกาลที่ 3 ใบเสมาเป็นหินทรายมีเจดีย์ทิศล้อมรอบตัวพระอุโบสถทั้งสี่ด้าน ซุ้มบันแถลงประดับกรอบประตูหน้าต่าง ทำจากปูนน้ำอ้อย
ตลาดน้ำบางคูเวียง ตั้งอยู่ปากคลองบางคูเวียง ตำบลบางคูเวียง ตลาดจะมีช่วงเช้าระหว่างเวลา 06.00 - 08.00 น. ชาวบ้านจะนำผลไม้ตามฤดูกาล บรรทุกเรือ มาค้าขายกันที่นี่ นอกจากนี้ยังมีอาหารและสินค้าอื่นๆ ที่จำเป็นต่อชีวิตประจำวัน ทุกเช้าพระภิกษุจากวัดบริเวณใกล้เคียง จะออกบิณฑบาตโดย ใช้เรือลำเล็ก ๆ เป็นพาหนะ นับเป็นภาพชีวิตแบบไทยที่นับวันจะหาดูได้ยาก

อำเภอบางใหญ่
วัดสวนแก้ว เป็นสถานที่เผยแพร่ธรรมโดยพระพิศาลธรรมพาที(พระพยอม กัลยาโณ) เป็นพระนักพัฒนา ท่านได้ริเริ่มโครงการต่างๆของมูลนิธิสวนแก้ว เพื่อพัฒนาสังคม และคุณภาพชีวิตของผู้ด้อยโอกาสในสังคมจนประสบความสำเร็จ เช่น โครงการร่มโพธิ์แก้ว โครงการที่พักคนชรา โครงการซุปเปอร์มาร์เก็ต ผู้ยากไร้ โครงการสวนแก้วเนอร์สเซอรี่ เป็นต้น
การเดินทาง จากสะพานพระนั่งเกล้า ตรงไปสี่แยกไฟแดงที่ 2 เลี้ยวซ้ายเข้าบางกรวย ประมาณ 2 กิโลเมตรจะถึงวัด หรือนั่งรถประจำทางสาย 63 จากอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ
วัดอัมพวัน สร้างสมัยอยุธยาตอนปลาย เดิมชื่อ วัดบางม่วง สิ่งที่น่าสนใจของวัดนี้คือ หอไตรกลางน้ำ เป็นสถาปัตยกรรมไทยที่สมบูรณ์ที่สุด เป็นเรือนไม้ยกใต้ถุนสูง ตัวหอมีขนาด 2 ห้อง ช่วงล่างเป็นลูกฟักกระดานดุน ตอนบนเป็นซี่ลูกกรงไม้ กลึงเสา กรอบประตูเป็นเสาหัวเม็ด ประตูหูช้าง เครื่องลำยองเป็นไม้จำหลัก หลังคาซ้อน 2 ชั้น มีปีกนก 1 ชั้น มุงกระเบื้องดินเผาใต้เชิงชาย และหน้าบันประดับไม้สลักลายรดน้ำ
หน้าบานประตู ทางเข้า หอไตรเป็นบานไม้ลงรัก ปิดทอง ลายพุ่มข้าวบิณฑ์ อกเลาเป็นไม้จำหลักลายดอกพุดตาน ลูกฟัก เหนือประตูเป็นภาพนกข้างละตัว เหนือขึ้นไปเป็น ภาพพระอาทิตย์ พระจันทร์ ในห้องสะกัดท้ายหอไตรเป็นที่เก็บ พาน ตะลุ่ม และ ฐานพระพุทธรูปไม้จำหลักเป็นจำนวนมาก

Source : tourismthailand.org